close buttonclose buttonclose button
Lolita mansion ตอนที่่ 12 (เล่าเรื่องเสียว)
*

เล่าเรื่องเสียว

  • เรื่องเสียว
  • *****
  • 5772
    • View Profile
Lolita mansion ตอนที่่ 12 (เล่าเรื่องเสียว)

      น้องรินะ น้องโทโมเอะและน้องมิซูกิกลับมาที่ห้องพักหลังจากน้องซายากะกลับไปไม่นานนัก สามสาวหยอกล้อผมอย่างสนุกสานเรื่องหีอันโหนกนูนของน้องซายากะและเรียกร้อง ให้ผมอธิบายความรู้สึกที่ควยผ่านเข้าไปสู่ความอวบแน่นของโหนกหี ทำเอาผมต้องแก้ข้อสงสัยเพื่อให้เมียทั้งสามของผมมั่นใจว่าหีของตัวเองมี คุณภาพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าน้องซายากะแต่อย่างใด

หลังจากการร่วมรักยามเช้ากับสามสาว ผมรีบไล่ให้ทุกคนไปไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวดูประการังตามที่คุณสุ พจน์ได้จัดโปรแกรมไว้ให้ วันนี้ทางรีสอร์ทได้จัดเรือเพื่อนำแขกที่มาพักไปชมประการังในท้องทะเล และจะปิดท้ายด้วยการแวะชมถ้ำมรกต ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ภายในเกาะมุก มีหาดทรายทรงกลมสวยงามอยู่ภายในแต่มีทางเข้าได้ทางเดียวคือต้องลอดภูเขาผ่าน ช่องทางน้ำเล็กๆ ทำให้สามารถเข้าไปได้เฉพาะเวลาน้ำลงเท่านั้น

ผมลงมาที่เรือนำเที่ยวลำใหญ่ของรีสอร์ทพร้อมกับน้องทั้งสามที่วันนี้สดใส อยู่ในชุดบิกินี่เช่นเคย เพียงแต่มีผ้าบาติกฝ้ายผืนใหญ่พันท่อนล่างไว้เพื่อไม่ให้เนินหีอวดตัวสู่สาย ตาผู้อื่นมากนัก แต่ความน่ารักของทั้งสามสาวก็ทำให้แขกที่มาคอยลงเรือต้องจับตามองด้วยความ สนใจ ผมกวาดตามองไปดูเพื่อนร่วมทริปก็พบว่าทั้งหมดเป็นครอบครัวชาวเอเซีย จำนวนเพียง 20 คน ส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัวยิ้มแย้มแจ่มใสทำความรู้จักกับผมและน้องทั้งสามด้วย อัธยาศัยอันดี มีเพียงคู่หนุ่มสาวชาวฮ่องกงที่มาฮันนี่มูนเท่านั้นที่แยกตัวไปอยู่กันเพียง สองคนและแสดงความรักด้วยการกอดจูบตลอดเวลาโดยไม่สนใจสายตาผู้ร่วมทริป

ก่อนเรือออกเล็กน้อยร่างงามในชุดบิกินี่สีน้ำเงินเข้มของน้องรีน่าก็ขึ้นมา บนเรือพร้อมน้องซายากะที่วันนี้อยู่ในชุดบิกินี่สีแดงตัวเดิมที่ผมเห็นในตอน เช้า กริยาท่าทางของเด็กหญิงแจ่มใสขึ้นต่างกับเมื่อเย็นวานอย่างสิ้นเชิง น้องซายากะแยกจากน้องรีน่าแล้วถลาเข้ามาเข้ากลุ่มของน้องรินะอย่างรวดเร็ว ทำให้น้องริน่ามองตามมาด้วยสายตาแสดงความแปลกใจในความเปลี่ยนแปลงของน้องสาว ผมแอบมองน้องรีน่าที่ตรงไปนั่งเก้าอี้พักผ่อนหัวเรือด้วยความชื่นชมความงาม สมบูรณ์ของเด็กสาว แต่ก็อดคิดถึงหน้าอกคู่งามที่แกว่งไกวตามการเย็ดกับคุณสุพจน์เมื่อคืนที่ ผ่านมาไม่ได้

คุณสุพจน์มาขึ้นเรือที่หลังสุดพร้อมน้องอิงค์และน้องพิงค์ เด็กหญิงทั้งสองอยู่ในชุดว่ายน้ำสีดำเหมือนกัน ต่างกันที่น้องอิงค์เป็นชุดวันพีซแต่น้องพิงค์สวมชุดสองชิ้นแบบสปอร์ต ใบหน้าที่ราวกับเด็กสาวของน้องพิงค์ดึงดูดสายตาทุกคนบนเรือให้หันมาดูราวกับ นัดกันไว้แต่เด็กหญิงไม่สนใจและตรงเข้ามาหาน้องซายากะที่กำลังคุยกับกลุ่ม น้องรินะ ไม่นานนักน้องพิงค์ก็เข้ากลุ่มได้อย่างสนิทสนม เสียงจ๊อกแจ๊กของกลุ่มเด็กหญิงดังขึ้นไม่ขาดระยะ

ผมแยกตัวไปหาคุณสุพจน์ที่ทำหน้าที่บังคับเรืออยู่ที่ด้านบน เพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆ สนุกกันอย่างเต็มที่ คุณสุพจน์ยิ้มรับ บุ้ยใบ้ให้ผมจัดการกับวิสกี้ที่ตั้งอยู่เอง แล้วทักทายอย่างสนิทสนม"คุณเอกดูเหนื่อยๆ นะ สงสัยจะหนักแน่เมื่อคืน"

ผมหัวเราะแล้วหันไปรินวิสกี้ดื่มเป็นเพื่อนคุณสุพจน์ และชวนคุยเรื่องการร่วมลงทุนในรีสอร์ทแห่งนี้ ซึ่งคุณสุพจน์ก็ตกลงใจที่จะรับให้ผมร่วมทุนและจะนัดหมายกับทนายความเพื่อทำ สัญญากับผมต่อไป

เรือมาจอดที่เกาะไหง คุณสุพจน์จัดการนำเรือเล็กท้องแบนรับทุกคนไปดำน้ำดูประการัง ผมกับเด็กหญิงทั้ง 5 ดำน้ำชมความงามของประการังอ่อนอย่างเพลิดเพลิน ครู่หนึ่งน้องรินะก็ว่ายมาดึงผมแยกออกไปจากกลุ่มไกลพอสมควรแล้วชี้ให้ดู กอดอกไม้ทะเลที่น้องรินะไปพบเข้า ผมดำดูตามการชักชวน แต่น้องรินะไม่รู้ว่าหรอกตอนที่ผมดำลงไปนั้นจุดสนใจของผมอยู่ที่เนินหีอวบ อิ่มในบิกินี่ที่งามกว่าดอกไม้ทะเลเป็นไหนๆ ผมเอื้อมมือไปคลึงเนินหีของน้องรินะใต้น้ำทำเอาน้องรินะสะดุ้งแล้วทุบผมเบาๆ "บ้า..น้าเอกเนี่ย รินะจะให้น้าเอกดูดอกไม้ทะเล"

ผมกอดเอวคอดกิ่วของน้องรินะเข้าหาตัว มือหนึ่งควานแทรกลงไปในบิกินี่กุมหอยตัวงามไว้ในฝ่ามือแล้วคลึงมันไปมา
"น้าอยากกินหอยตัวนี้มากกว่า"

น้องรินะหน้าแดง แต่ไม่ห้ามปรามมือของผมที่กำลังรุกล้ำอยู่เบื้องล่างแต่อย่างใด ผมดึงร่างน้องรินะเข้ามากอดไว้เสื้อชูชีพที่สวมอยู่ทำให้ร่างของผมและน้องริ นะลอยตัวอยู่กลางน้ำโดยไม่ต้องออกแรงว่าย น้องรินะครางออกมาเมื่อนิ้วผมเริ่มซุกเข้าไปสู่ความอบอุ่นของรูหีเพื่อหลบ ความเย็นของน้ำทะเล"อูย..น้าเอก..อย่าแกล้งรินะสิ ที่นี่เย็ดกันไม่ได้เดี๋ยวรินะอารมณ์ค้างกันพอดี"

ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งเกี่ยวขอบกางเกงว่ายน้ำออกปล่อยให้แท่งควยที่กำลังแข็ง ปั๋งชูชันอยู่ใต้น้ำ มืออีกข้างหนึ่งถอนนิ้วออกออกจากรูหีเพื่อแหวกบิกินี่ท่อนล่างของน้องรินะ ออกทางด้านข้าง ยกขาน้องรินะขึ้นข้างหนึ่งมาเกี่ยวเอวผมไว้ แล้วดึงสะโพกกระทัดรัดเข้ามาหาจนหัวควยจ่ออยู่กับรูหีใต้น้ำทะเล"ใครบอกว่า เย็ดกันไม่ได้…น้าจะเย็ดรินะจังเดี๋ยวนี้แหละ""อุ๊ย…น้าเอก..จะเย็ดจริงเหรอ ..อูวส์.."
น้องรินะห่อปากครางออกมาเมื่อผมค่อยๆ ส่ายหัวควยกดลงไปในรูหีน้องรินะ แม้น้ำทะเลรอบข้างจะทำให้น้ำหล่อลื่นของน้องรินะกระจายออกไปบ้าง แต่เมื่อมันค่อยๆเข้าไปความคับแน่นของรูหีทำให้น้ำทะเลไม่สามารถแทรกเข้าไป ได้ น้ำหล่อลื่นที่น้องรินะหลั่งออกมาจากความเสียวและความตื่นเต้นที่จะถูกเย็ด กลางทะเล ทำให้หัวควยสามารถบุกเข้าไปได้จนมิดโคน ผมเริ่มกระเด้าช้าๆ น้องรินะอัดร่างกายเข้ามากอดผมแน่นอัดสะโพกตอบโต้การกระเด้าอย่างลืมตัว" อูวส์..น้าเอก…เสียวจัง..อึ๊ดดด…"" ดีไหมรินะจัง น้าจะเร่งละนะ"
ผมบอกแล้วเริ่มกระเด้าถี่ขึ้น วงน้ำกระเพื่อมออกจากร่างของผมที่กอดกันแน่นกับน้องรินะเป็นระลอก การเย็ดกลางน้ำทั้งที่ลอยตัวท่ามกลางการซัดของคลื่นรอบข้างยิ่งเป็นการช่วย ให้การกระเด้าเพิ่มความเร็วได้มากขึ้น ควยผมวิ่งเข้าออกรูหีน้องรินะถี่ยิบจนความเสียววิ่งจี๊ดมาที่ปลายควย น้องรินะหลับตาปี๋เร่งความเร็วตอบโต้การกระเด้าของผม จนร่างน้อยเกร็งตัวสะดุ้งแล้วอัดเนินหีไร้ขนเข้ากับควยผมนิ่ง ผมระเบิดน้ำรักอัดเข้าสู่รูหีอย่างแรงจนมันล้นทะลักออกมาและลอยขึ้นสู่ผิว น้ำเป็นสายรอบตัว น้องรินะซบหน้าลงกับเสื้อชูชีพผมแล้วครางยาว
"โอย…น้าเอก…มันสุดๆ ไปเลย"ผมจับจมูกน้อยๆสั่นไปมา
"ต่ออีกทีไหมล่ะ…"น้องรินะลืมตาขึ้นมองไปด้านหลังผมแล้วสั่นหน้า"ต่อไม่ได้แล้วล่ะน้าเอก..พวกมิซูกิตามมาโน่นแล้ว"
ผมหันกลับไปมองเห็นร่างของเด็กหญิงทั้งสี่กำลังเคลื่อนเข้ามาหา น้องมิซูกิคงเห็นผมกอดน้องรินะอยู่กลางทะเลเลยกลัวว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติ เกิดขึ้น ผมรีบโบกมือให้แล้วถอยควยออกจากรูหี ปล่อยให้น้องรินะสูดลมหายใจลึกๆ แล้วว่ายไปหากลุ่มเพื่อนๆที่ตามมา ขณะว่ายกลับไปที่เรือ น้องโทโมเอะว่ายเข้ามากระซิบข้างหูผม"น้าเอกนี่ร้ายนักนะ เย็ดรินะจังกลางทะเลเลย"
ผมหัวเราะลูบมือไปที่สะโพกอวบอัดของน้องโทโมเอะ"โทโมเอะจังจะลองบ้างไหมล่ะ"

น้องโทโมเอะหน้าแดง แลบลิ้นแผลบหนึ่งแล้วรีบว่ายไปขึ้นเรือเพื่อรับประทานอาหารกลางวันและเตรียม เดินทางต่อไปยังเกาะมุกซึ่งเป็นตั้งของถ้ำมรกตหลังอาหารกลางวันแบบบาร์บีคิว บนเรือ คุณสุพจน์ก็นำเรือมาเทียบที่เกาะมุกหน้าถ้ำมรกต ผมต้องแปลกใจเมื่อคุณสุพจน์ชี้ให้ดูทางเข้าที่เป็นโพรงเหนือผิวน้ำทะเลเพียง 2 เมตร คุณสุพจน์บอกว่าการที่จะมาเที่ยวชมต้องคำณวนเวลาน้ำขึ้นน้ำลงให้ดีก่อน เพราะถ้าน้ำขึ้นแล้วช่องทางเข้าจะถูกปิดจนกว่าน้ำจะลงอีกครั้งซึ่งต้องรออีก ประมาณ 6 ชั่วโมง สำหรับคราวนี้คุณสุพจน์บอกว่าจะมีเวลาชมภายในอีกประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนที่น้ำจะขึ้น

พนักงานนำเรือเล็กมารับทุกคนไปที่จุดหมาย ผมนึกสนุกเลยอาสาเป็นคนขับเรือให้เอง เรือลำนี้เป็นเรือท้องแบนกินน้ำตื้นความจุ 30 คนที่ปกติจะติดตั้งไว้ที่ท้ายเรือ ผมพิจารณาดูเรือเล็กแล้วนึกชมคุณสุพจน์ที่ไม่ละเลยเรื่องความปลอดภัย เพราะช่องเก็บของหัวเรือมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบถ้วน แม้กระทั้งแพชูชีพแบบกระโจมที่มีราคาแพงลิบก็ยังถูกนำมาเก็บไว้ด้วย ผมขับเรือเล็กด้วยความชำนาญมารับทุกคนและมุ่งหน้าเข้าไปที่ปากทางเข้าถ้ำ

เรือเล็กค่อยๆแล่นผ่านปากทางเข้าไปสู่ความมืดมิด ของถ้ำมรกต แสงไฟฉายประจำเรือส่องให้เห็นความงามของหินย้อยด้านบนที่ต่ำลงมาจนแทบกระทบ ศรีษะคนในเรือ ไกลออกไปประมาณ 30 เมตรปรากฏจุดแสงรางๆ ที่ค่อยๆเพิ่มขนาดขึ้นเมื่อเรือเข้าไปใกล้ จนในที่สุดเรือก็พาทุกคนเข้ามาอยู่ที่หาดทรายทรงกลมขาวสะอาดกว้างประมาณ 100 เมตร ที่ทุกด้านถูกล้อมไว้ด้วยหน้าผาสูงชัน นับเป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่ทำเอาทุกคนส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความ ประหลาดใจและชื่นชม

ผู้ร่วมทริปทุกคนแยกย้ายกันไปชมความงามรอบๆ อย่าสงตื่นตาตื่นใจ ส่วนน้องรินะ น้องมิซูกิ และน้องโทโมเอะไปเล่นน้ำที่หาดทรายเล็กๆ อย่างสนุกสนาน แล้วกลับมานั่งเล่นกับผมที่เสื่อซึ่งผมปูไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่พร้อมเครื่อง ดื่มอาหารว่าง ใบหน้าน้องทั้งสามสดใสร่างเริงบอกถึงความสนุกสนานที่ได้รับจากการมาเที่ยว ครั้งนี้ น้องรินะหยิบมันฝรั่งทอดใส่ปากแล้วบ่นดังๆ"เสียดายจังพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว"

ผมขยี้ผมที่เปียกชุ่มของน้องรินะอย่างเอ็นดู
"ไม่ต้องเสียดายหรอก น้าตกลงกับคุณสุพจน์แล้วว่าจะร่วมลงทุนที่รีสอร์ทนี่ อีกหน่อยอยากจะมาเมื่อไหร่ก็ได้"

น้องทั้งสามส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความดีใจ น้องโทโมเอะหันมาหาผมแล้วแกล้งพูดให้ร้องรินะได้ยินก่อนวิ่งหนี
"อย่างนี้โทโมเอะก็ต้องขอฝึกกับรินะแล้ว จะได้ดำน้ำกับน้าเอกได้คล่องๆ"

น้องรินะร้องกรี๊ดแล้ววิ่งไล่ตามน้องโทโมเอะออกไป ทิ้งให้น้องมิซูกิทำหน้างงๆ อยู่กับผม แต่ก่อนที่ผมจะอธิบายให้น้องมิซูกิฟังคุณสุพจน์ก็เดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้า ไม่สู้ดีนัก"คุณเอกครับ เก็บของดีกว่าลมกำลังเปลี่ยน ท่าทางจะเกิดพายุที่แถบนี้ สงสัยต้องรีบกลับแล้วครับ"

ผมพยักหน้ารับแล้วสั่งให้น้องๆ รีบเก็บของ คุณสุพจน์ไปเรียกแขกทุกคนให้มารวมตัวกันที่เรือ ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มปรากฏเมฆดำและลมเริ่มพัดลงมาทำให้ทุกคนต้องตะลีตะลานเก็บ ของ แล้วขึ้นเรือกลับมาที่เรือใหญ่ทันที ด้านนอกคลื่นกำลังเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมรอจนทุกคนขึ้นไปหมดแล้วก็เตรียมหันเรือไปจอดเก็บทางด้านท้าย ทันใดนั้นก็มีเสียงกรี๊ดลั่นขึ้นมา ผมหันกลับไปมองเห็นน้องรีน่ากำลังตะโกนอะไรอยู่โดยมีคุณสุพจน์จับตัวไว้แน่น น้องมิซูกิรีบวิ่งมาทางท้ายเรือแล้วตะโกนบอกผม"น้าเอก ซายากะจังกับน้องพิงค์ไม่ได้ขึ้นเรือมาด้วย"

ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ การเร่งรีบกลับขึ้นเรือเพื่อหนีพายุทำให้ทุกคนลืมเช็คจำนวนคน และทิ้งให้น้องซายากะกับน้องพิงค์ตกค้างอยู่ ผมรีบหันหัวเรือโบกมือให้คุณสุพจน์แล้วเร่งเครื่องเรือเล็กกลับไปที่ปากถ้ำ ซึ่งกำลังมีน้ำสูงขึ้นทุกขณะจนเมื่อเรือเข้ามาในถ้ำผมต้องนอนรบกับพื้นเพื่อ ป้องกันมิให้ศีรษะตัวเองกระแทกกับหินย้อยด้านบน น้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนผมต้องเร่งความเร็วเรือเต็มที่พุ่งเข้าไปยังหาด ทรายด้านใน เมื่อพ้นปากทางเข้าผมรีบกวาดตามองไปรอบๆ ก็พบร่างน้องซายากะกับน้องพิงค์กอดกันกลมอยู่ที่โคนต้นไม้ที่ผมเคยนั่ง ร่างทั้งสองวิ่งลงมาหาผมทันทีที่ได้ยินเสียงเรือแล้วกระโดดมากอดผมแน่น เสียงร้องไห้ดังออกมาไม่ขาดระยะ ผมพยายามทำเสียงให้ร่าเริงเพื่อปลอบใจน้องทั้งสอง
"ว่าไงพวกเราหนีเที่ยวที่ไหนมาจนตกเรือล่ะ..."น้องพิงค์เงยหน้ามองผมแล้วตอบปนสะอื้น
"พิงค์ขอโทษ พิงค์พาซายากะไปดูถ้ำเล็กข้างใน นึกว่าจะอยู่ที่นี่ชั่วโมงหนึ่ง พอกลับออกมาก็ไม่มีใครเหลือแล้ว"

ผมลูบหัวน้องพิงค์อย่างเอ็นดูแล้วหันไปบอกน้องซายากะ "เอ้า รีบขึ้นเรือเร็ว เดี๋ยวจะกลับไม่ทัน"

น้องทั้งสองรีบมาขึ้นเรือ แต่ก่อนที่ผมจะหันหัวเรือกลับน้ำก็ดันตัวเองขึ้นสูงจนท่วมปากทางด้านในและ ไม่มีทางที่ผมจะขับออกไปได้อีกนอกจากจะดำน้ำผ่านความมืดมิดเป็นระยะ 30 เมตรเพื่อออกไป ผมตะลึงมองดูระดับน้ำแล้วถอนใจ เพราะรู้ดีว่าต้องรออีก 6 ชั่วโมงกว่าปากถ้ำจะเปิดให้เรืออกไปได้ แต่ก็ยังเบาใจที่น้องซายากะและน้องพิงค์ปลอดภัยดี ผมรีบเปิดช่องเก็บของหัวเรือคว้าโทรศัพท์ฉุกเฉินอิริเดียมขึ้นมาต่อกับ แบตเตอรี่และกดเรียกไปหาคุณสุพจน์ที่ยังคงรอผมอยู่บนเรือ"คุณเอกเป็นไงบ้าง"
คุณสุพจน์ระล่ำระลักถามมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน ผมพยายามหัวเราะเพื่อไม่ให้น้องทั้งสองข้างๆ ผมตกใจ

"ไม่เป็นไรครับ น้องพิงค์กับซายากะปลอดภัยดี แต่ผมกลับออกไปไม่ได้เพราะถ้ำปิดแล้ว คุณสุพจน์พาทุกคนกลับไปที่รีสอร์ทก่อนเลยไม่ต้องห่วงผม หลบพายุไปก่อน พอพายุสงบค่อยกลับมารับผมไม่ต้องห่วง ในเรือเล็กมีถุงยังชีพ ไม่เป็นไรครับรับรอง"
คุณสุพจน์ถอนใจยาว ผมรู้ว่าคุณสุพจน์ต้องกลับไปรีสอร์ทจนกว่าพายุจะสงบอย่างไม่มีทางเลือกอื่น
"โอเคครับ เดี๋ยวพายุสงบแล้วผมจะรีบกลับมารับนะ"
"บอกน้องๆ ของผมด้วยนะครับว่าไม่ต้องห่วง ข้างในนี้ปลอดภัยดีไม่มีคลื่นลม ดีกว่าข้างนอกด้วยซ้ำไป"
คุณสุพจน์รับคำแล้วเลิกการติดต่อ ผมรีบเล่าสถานการให้น้องทั้งสองฟังว่าต้องติดอยู่ที่นี่จนกว่าพายุสงบ ซึ่งน่าแปลกใจที่น้องทั้งสองไม่ตกใจมากนักคงเป็นเพราะมีผู้ใหญ่อยู่ใกล้ๆ ผมบอกให้น้องซายากะและน้องพิงค์ลงจากเรือให้พาผมไปที่ถ้ำเล็กที่น้องพิงค์ บอก เพื่อที่จะใช้หลบฝนแต่ปรากฏว่ามันเป็นถ้ำที่น้ำท่วมถึงและตอนนี้อยู่ใต้ กระแสน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมจึงต้องกลับมาที่เรือเล็กนำแพชูชีพออกมากางที่ใต้โคนไม้ต้นเดิมแล้วกระตุก ปล่อยอากาศให้ขยายตัวจนเป็นแพพร้อมกระโจมที่มีไว้ป้องกันแสงแดดในทะเล แต่ตอนนี้ผมกลับใช้มันเป็นเครื่องป้องกันลมฝนแทน

เมื่อผมจัดตั้งแพเสร็จก็เป็นเวลากว่าหกโมงเย็น ฝนที่กระหน่ำอย่างหนักทำให้รอบด้านมืดสนิท มีเพียงแสงสว่างจากโคมแบตเตอรี่ประจำเรือเท่านั้นที่ทำให้ผมพอมองเห็นรอบ ด้านได้ ผมไล่ให้น้องทั้งสองเข้าไปหลบฝนในกระโจมแล้วกลับไปเอาถุงยังชีพจากเรือเล็ก ซึ่งมีทั้งอาหารแห้งและน้ำดื่ม ก่อนจะกลับออกมาผมเห็นกระเป๋าพลาสติคใบหนึ่งที่ผมจำได้ว่าเป็นของน้องมิซูกิ วางทิ้งอยู่ที่ท้องเรือจึงคว้าเอามาด้วยกัน เมื่อผมกลับเข้ามาก็พบว่าน้องทั้งสองกอดกันแน่นด้วยความหนาวเนื่องจากทั้ง คู่อยู่ในชุดว่ายน้ำบิกินี่ที่แทบป้องกันความเย็นไม่ได้เลย

ผมปิดไฟแล้วก้าวเข้าไปในแพ ดึงผ้ากระโจมปิดล็อกไว้ทำให้ฝนสาดเข้ามาไม่ได้ ภายในกระโจมสามารถบรรจุคนได้ 5-6 คนโดยไม่เบียดเสียดทำให้มีที่ว่างมากสำหรับการเคลื่อนไหวของคนสามคน ผมจัดวางเครื่องยังชีพไว้มุมหนึ่ง ท่ามกลางเสียงฟันกระทบกันของน้องซายากะและน้องพิงค์ดังต่อเนื่องในสภาพนี้ผม รู้ว่าถ้าปล่อยให้ร่างกายขาดความอบอุ่นจะทำให้เกิดอาการไข้หนักลุกลามตามมา แน่นอน ผมรีบเปิดกระเป๋าน้องมิซูกิดูว่ามีเสื้อผ้าแห้งๆ ติดมาด้วยหรือไม่แต่ต้องผิดหวังเพราะมีเพียงผ้าเช็ดตัวชายหาดผืนใหญ่บรรจุ อยู่เพียงผืนเดียว ผมถอนใจแล้วตัดสินใจบอกน้องทั้งสองด้วยเสียงจริงจัง
"ซายากะจัง น้องพิงค์ ถอดชุดว่ายน้ำออกซะ""น้าเอก!!!!"
เสียงน้องทั้งสองอุทานพร้อมกัน ผมรีบบอกต่อก่อนจะเข้าใจผิด
"ถอดชุดที่เปียกมาให้น้าตากทางด้านนี้ ตอนนี้ซายากะจังกับน้องพิงค์จะใส่เสื้อผ้าเปียกไม่ได้ ต้องให้ร่างกายแห้งโดยเร็วที่สุดไม่งั้นไม่สบายแน่ อย่ามัวแต่อายตอนนี้มืดสนิทน้ามองไม่เห็นหรอก ชีวิตสำคัญกว่านะ"

น้องซายากะกับน้องพิงค์เงียบลง มีเสียงสวบสาบที่บอกให้รู้ว่าทั้งสองคนถอดชุดว่ายน้ำหมดแล้ว "เอ้า ส่งมาให้น้าทางนี้"

ผมบอกแล้วยื่นมือไปรับชุดของน้องพิงค์ที่ส่งถึงมือผมพอดีในความมืด ผมกวาดมือไปรับชุดของน้องซายากะแต่กลับกระทบหน้าอกเต่งของน้องซายากะเข้า เต็มที่ แทน น้องซายากะไม่ส่งเสียงอะไรแต่คว้ามือผมไว้แล้วเอาชุดว่ายน้ำทั้งสองชิ้นมา ยัดให้ ผมเอาผ้าที่เปียกโชกทั้งสี่ชิ้นไปผึ่งรวมกันที่ถุงยังชีพแล้วถอดเสื้อผ้าของ ผมเองออกบ้าง แล้วส่งผ้าเช็ดตัวให้น้องทั้งสองเช็ดผมและร่างกายให้แห้งสนิท

เสียงฟันกระทบกันยังดังไม่หยุดทำให้ผมต้องถามน้องทั้งสองด้วยความกังวล"น้องพิงค์ ซายากะจัง หนาวมากไหม"

เสียงตอบมาสั่นระริก"พิงค์หนาวจังเลยน้าเอก""ซายากะก็หนาวจนทนไม่ไหวแล้วน้าเอก"

ผมตัดสินใจคลานเข้าไประหว่างกลางเด็กหญิงทั้งสองท่ามกลางความมืด เพื่อคว้าร่างกายเปล่าเปลือยทั้งสองมากอดไว้คนละข้างก่อนเอนตัวลงนอนโดยให้ ทั้งสองคนกอดร่างกายผมไว้ในท่าตะแคง แล้วรีบเอาผ้าเช็ดตัวคลุมไว้ด้านบนเพื่อป้องกันความเย็น น้องพิงค์สะดุ้งตัวแข็งเมื่อผมดึงร่างน้อยเข้ามากอดแต่ไม่ขัดขืน ส่วนน้องซายากะร้องออกมาเบาๆ เมื่อผมดึงร่างเข้ามาแต่ก็ยอมล้มตัวลงนอนเคียงข้างกอดผมไว้แน่นเช่นกันโดย ไม่แสดงอาการต่อต้าน ผมรีบพูดเบาๆ กับน้องทั้งสอง
"ขอโทษนะที่น่าต้องกอดพวกเราไว้แบบนี้ ถ้าไม่แบ่งความอุ่นให้กัน ทั้งหมดคงต้านความหนาวไม่ได้แน่ นี่ถ้าไม่มีฝนน้ายังพอใช้ผ้าใบกระโจมคลุมได้ ผ้าเช็ดตัวก็มีผืนเดียวตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกอดกันไว้แบบนี้ พวกเราเข้าใจนะ"

เสียงน้องทั้งสองรับคำพร้อมกันเบาๆ ผมกอดน้องทั้งสองไว้แน่น ความอบอุ่นเริ่มถ่ายเทระหว่างกันจนร่างที่สั่นสะท้านของน้องพิงค์ผ่อนคลายลง ทีละน้อย เช่นเดียวกับน้องซายากะที่เสียงฟันกระทบหยุดไป แม้ผมจะรับรู้ว่ามีร่างเปลือยที่งดงามของสาวน้อยสองคนอยู่ในอ้อมกอด แต่ความกังวลต่อความหนาวเย็นที่คุกคามภายนอกทำให้ผมไม่คิดถึงเรื่องอื่นนอก จากจะทำอย่างไรให้ร่างกายอบอุ่นได้มากที่สุด เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงไอตัวของผมและน้องทั้งสามคนกระจายออกไปใต้ผ้า เช็ดตัวและแผ่ออกไปในกระโจมจนมีอุณหภูมิที่พิ่มขึ้นพร้อมกับเสียงฝนที่เริ่ม ซาลง ผมลองกระซิบเรียกน้องทั้งสองเบาๆ แต่ไม่มีเสียงตอบ ทำให้ผมรู้ว่าน้องซายากะและน้องพิงค์คงหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อวิกฤตคลายลงร่างกายผมเริ่มรับรู้ถึงร่างเปลือยของสองเด็กหญิงที่ตะแคง ตัวกอดผมไว้ทั้งสองด้าน

น้องพิงค์ซุกหน้าเข้ากับต้นแขนผม แขนข้างหนึ่งพาดอยู่ที่หน้าอก ขาขวายกขึ้นก่ายต้นขาแต่สะโพกห่างออกไปทำให้เนินหีไม่ได้สัมผัสกับร่างกายผม ส่วนน้องซายากะใบหน้าซุกเข้ามาที่ซอกคอผมส่งลมหายใจอบอุ่นหอมกรุ่นออกมา สัมผัสแก้มผมอย่างต่อเนื่อง หน้าอกกระทัดรัดของน้องซายากะเบียดแน่นอยู่กับต้นแขนจนสัมผัสได้ถึงความเต่ง ตึงเมื่อผมพยายามขยับแขนเล็กน้อย ขาเรียวตรงของน้องซายากะยกขึ้นก่ายสะโพกผมไว้ หัวเข่าเบียดชิดควยผมที่กำลังเริ่มตื่นตัว อัดโคกหีมหึมาที่ผมเพิ่งพรากความสาวของมันไปเมื่อคืนที่ผ่านมากดแน่นอยู่กับ สะโพกด้านข้างของผม สัมผัสของน้องทั้งสองทำให้ควยผมเริ่มพองตัวอย่างรวดเร็วจนลอดพ้นขอบผ้าเช็ด ตัวที่ห่มร่างทั้งหมดไว้ขึ้นมาชูชันเรียกร้องให้ผมผู้เป็นเจ้าของหาทางช่วย เหลือ

ผมถอนใจเมื่อนึกถึงกำหนดนัดระหว่างผมกับน้องซายากะคืนนี้ ที่กลับกลายมาเป็นการติดค้างอยู่พร้อมกับน้องพิงค์ ทำให้ผมหมดโอกาสที่จะร่วมรักกับน้องซายากะเป็นครั้งที่สอง ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะลุกขึ้นเพื่อไปเตรียมอาหารจากถุงยังชีพให้เด็ก หญิงทั้งสอง มือน้อยของน้องซายากะบนอกผมก็เริ่มเคลื่อนไหวลูบไปมา ผมหันหน้าไปกระซิบที่ข้างหูน้องซายากะเบาๆ
"ซายากะจังตื่นแล้วหรือ ยังหนาวไหม"