รักยม ตอนที่ 35 คุณค่าแห่งชีวิต (เสียวหี)
"อย่ามาแตะปู นะ กรี๊ดดดดดดดดด ออกไป ออกไปปปปป" เสียงหญิงสาวหวีดร้องออกมาสุดเสียงอย่างหวาดกลัว มาพร้อมกับแรงกระแทกอัน
รุนแรงที่ทำเอาอากาศรอบ ๆ ตัวเธอสั่นไหวกระเพื่อมไปมาราวกับระลอกคลื่นยักษ์ แรงอัดกระแทกพุ่งอัดใส่ร่างจิตวิญญาณของชายหนุ่มจนปลิว
ว่อนลอยละลิ่วไปในอากาศเหมือนว่าวที่เชือกสายป่านขาด ก่อนที่จะหล่นตุบลงกระแทกกับพื้นและล้มกลิ้งไปหลายรอบ
"แค่ก ๆ โอยยยย" เอกที่ล้มกลิ้งไปตามแรงกระแทกที่มองไม่เห็น ยันตัวขึ้นสำลักด้วยความรู้สึกจุกแน่น เค้ารู้ดีว่าภายในจิตแห่งนี้ หญิงสาวเจ้า
ของจิตมีอำนาจอย่างเต็มที่ ที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ และโชคไม่ดีนักที่ดูแล้วท่าทางเธอจะอยู่ในอารมณ์หวาดกลัวอย่างรุนแรงเสีย ด้วย
แค่เริ่มต้นก็ไปไม่ถูกเสียแล้ว เขารู้สึกอับจนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้ รักยมก็ไม่อยู่ซะด้วย หัวสมองหมุนติ้วทำงานอย่างหนักก็ยังไม่รู้ว่า
จะต้องทำอย่างไร ในขณะที่กำลังเขาเกือบจะยอมแพ้ ก็กลับได้ยินเสียงหวาน ๆ อันคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง
"พี่เอก ... นั่นพี่เอกหรือเปล่าคะ"
"ฝ้าย !!!!" เขาหันไปมองตามเสียงร้องเรียก ก็เจอกับจิตวิญญาณของฝ้าย เธออยู่ในสภาพเปลือยกายเช่นเดียวกับร่างจิตวิญญาณทั่วไป ท่าทาง
เธอดูจะตื่นกลัวอยู่ไม่น้อยทีเดียว เขาสงสัยอย่างหนักว่าฝ้ายเข้ามาในนี้ได้ยังไง
"พี่เอก ที่นี่ที่ไหน ฝ้ายกลัว" ฝ้ายเมื่อเห็นชายหนุ่มสุดที่รักของเธอ ก็รีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับใช้สองแขนเพรียวนั้นโอบกอดร่างของเอกจนแน่น
ร่างบอบบางของเธอสั่นสะท้านระริกด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าหวานฟุบแนบอยู่กับแผงหน้าอกของชายหนุ่ม
"ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่อยู่นี่แล้ว จะไม่มีใครทำอะไรฝ้ายได้" เอกคว้ากอดฝ้ายไว้แนบอก พยายามเอ่ยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อให้
หญิงสาวหายจากอาการตื่นกลัว สองมือลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนของหญิงสาวอย่างเบามือด้วยความรักใคร่ เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ร่างจิต
วิญญาณของหญิงสาวนั้นให้ความรู้สึกสัมผัสเฉกเช่นเดียวกับร่างเนื้อที่เขาเคย จับต้อง เนื้อตัวนุ่มนิ่มของหญิงสาวที่เบียดแนบชิด ทำเอาเขารู้สึก
เร่าร้อนขึ้นมาทันที แก่นกายเริ่มตื่นตัวขึ้นมาดุนดันกับหน้าท้องอันเรียบเนียนของพยาบาลสาวสวย
"พี่เอก ..." ฝ้ายหัวเราะคิกคัก เมื่อสัมผัสได้ถึงแก่นกายอวบใหญ่ของแฟนหนุ่มที่บริเวณท้องน้อย ความหวาดกลัวดูจะหายไปหมดสิ้น มีแต่ความ
รู้สึกวาบหวามร้อนแรงเข้ามาแทนที่ เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ภายใต้อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้ ร่างขาวเนียนเริ่มซุกตัวบดเบียดเข้าไปมากขึ้น
"เอ่อ ... เรารีบไปคุยกับปูก่อนดีกว่า" ชายหนุ่มใช้มือจับไหล่นุ่มนิ่มของสาวสวยแล้วออกแรงผลักออกเบา ๆ แม้ว่าความกระสันจะกำลังคุกรุ่นอยู่
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำแบบนี้ เขารีบห้ามใจตัวเองก่อนที่จะไปไกลเกินจะหยุดได้
"อืออ ... คุณปูอยู่ที่นี่เหรอคะ" ฝ้ายคลายวงแขนที่กอดรัดชายหนุ่มอยู่ออกช้า ๆ อย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
"ใช่แล้ว ที่นี่คือภายในจิตใจของปู เมื่อกี้พี่พยายามคุยแล้ว แต่เธอไม่ยอมคุยด้วย แต่ถ้าเป็นฝ้ายที่เป็นผู้หญิงก็ไม่แน่" ชายหนุ่มเริ่มมองเห็น
ทางออกอย่างน้อย ๆ ผู้หญิงด้วยกัน ก็น่าจะยอมคุยกันได้
"..... ที่นี่คือโลกวิญญาณงั้นเหรอ ... ฝ้ายนึกว่าร่างวิญญาณจะลอยไปลอยมา แล้วก็สัมผัสไม่ได้ซะอีก ... แต่นี่" เธอเอื้อมมือไปป่ายแปะที่ร่าง
ของชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ สัมผัสที่ได้รับมันเหมือนกับตอนปกติ หากเป็นเช่นนี้แล้ว ร่างวิญญาณกับร่างเนื้อจะต่างกันยังไงล่ะ
"พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มันเป็นโลกที่ไม่มีใครรู้จักจริง ๆ หรอก แต่ตอนนี้เรารีบไปคุยกับปูได้แล้ว" ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้คำตอบ เขาได้แต่จูงมือ
ฝ้าย แล้วพาเดินตรงไปยังทิศทางที่เค้าเพิ่งโดนกระแทกจนปลิวกระเด็นออกมา
"ว่าแต่ ฝ้าย เข้ามาในนี้ได้ยังไง?" เอกเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้
"ฝ้าย ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ... เมื่อกี้นี้ตอนที่จับมือพี่เอกไว้ มันเหมือนมีพลังอะไรร้อนวูบวาบ ๆ วิ่งผ่านเข้ามาทางนั้น ... ตอนนั้นฝ้ายก็คิดในใจ
ว่าอยากจะตามมาช่วยพี่เอกด้วย แล้วอยู่ดี ๆ ฝ้ายก็รู้สึกเหมือนโดนดูดเข้าไปในหลุมอะไรบางอย่าง ฝ้ายเห็นพี่เอกในระหว่างนั้น ก็เลยร้องเรียก
แต่เหมือนพี่เอกจะไม่ได้ยิน ฝ้ายพยายามออกแรงฝืนให้ไปหาพี่เอก แต่เหมือนแรงดูดจะพาฝ้ายไปคนละที่ ฝ้ายก็ไม่รู้จะทำยังไง แล้วจากนั้น
ก็มีเด็กน้อยสองคน แต่งตัวแปลก ๆ เหมือนเด็กไทยโบราณมาจับมือฝ้ายไว้ พวกเค้าจับฝ้ายเหวี่ยงมาทางพี่เอก แล้วพวกเค้าโดนหายไปทาง
ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน" ฝ้ายเล่าบรรยายเรื่องราวเป็นฉาก ๆ
"อืมมมม ... พอจะเดาเหตการณ์ออกล่ะ ถึงว่าซิรักยมถึงได้หายไปซะเฉย ๆ" เอกทำท่าทางพินิจพิเคราะห์ เป็นไปได้ที่ตอนนี้รักยมอาจจะหลงไป
ในคนละสถานที่เพราะพยายามช่วยดึงฝ้ายกลับมา เพราะหากปล่อยให้ดวงจิตของฝ้ายหายไปล่ะก็คงจะอันตรายน่าดู แต่เป็นรักยมก็น่าจะไม่มี
อะไรพวกเค้าน่าจะหาทางกลับเองได้
"รักยม อะไรคะ ? ... อุ๊ยยยย อืมมม อะ อาาาา" ฝ้ายเอ่ยถามสีหน้าสงสัย แต่อยู่ดี ๆ ก็ร้องครางเสียงหลงออกมา เธอรู้สึกแปลก ๆ แข้งขาอ่อน
แรงจนเกือบจะทรุดตัวล้มลง
"เป็นอะไรหรือเปล่าฝ้าย ?" เอกพยุงร่างของฝ้ายไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะหล่นตุบลงไปกองกับพื้น
"อือออ ซี้ดดดสส มะ ไม่รู้ค่ะ ... ฝ้ายรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่า ... อะ อูยยย อือออ" ฝ้ายร้องครางเสียงยาว เอามือบีบที่ท่อนแขนของเอกจนแน่น
สัมผัสสยิวซ่านที่บริเวณร่องหลืบบังเกิดขึ้นมาอย่างกระทันหัน เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรนุ่ม ๆ ชื้น ๆ กำลังแหย่แยงไปมาที่กลีบเสียวของเธอ
ความเสียวซ่านรุกเร้าเข้าใส่ราวกับไฟฟ้าช๊อตวิ่งพล่านไปทั่วตัว
"ซี้ดสสสสส ... พี่เอก ... ช่วยด้วย อาาาา ..." เธอร้องครางกระเส่าอย่างยั่วยวน สองขาขาวเนียนขยับเข้าไปหนีบเบียดเสียดสีด้วยความเสียวที่บัง
เกิดขึ้น เธอซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดชายหนุ่มที่กำลังงุนงงกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วบิดตัวไหวไปมาเร่า ๆ ตามความร้อนผ่าวที่ร่องหลืบนั้น พวก
เขาทั้งสองคนไม่รู้เลยว่า ร่างเนื้อกับร่างจิตนั้นมีความเกี่ยวพันกันอยู่ อะไรที่ร่างเนื้อรู้สึกร่างจิตก็จะรับรู้ไปด้วย และขณะนี้ร่างเนื้อของสาวสวย
กำลังโดนเก่งกระทำชำเราด้วยแรงไฟราคะอันล้นอกอยู่ ความเสียวอันนั้นจึงส่งผ่านมายังร่างจิตจนสาวสวยต้องร้องครวญครางแบบนี้
"ฝ้าย ..." เอกรู้สึกเป็นห่วงฝ้าย แต่ในขณะเดียวกันท่าทางยั่วยวนเร้าอารมณ์ของสาวสวยก็ปลุกอารมณ์อยากของเค้าขึ้นมาพร้อมกัน
"ซี้ดดสสสส พี่เอก" เธอบิดตัวไหวไปมาไม่นานนัก สาวสวยไม่ไหวแล้ว เธอบิดตัวเร่า ๆ แอ่นอก โยกเอว ตัวกระตุกเกร็ง ร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง
แล้วก็เนื้อตัวอ่อนหมดเรี่ยวแรงฟุบลงแนบอกของชายหนุ่ม เธอหอบหายใจหนัก ๆ เสียงกระเส่า ลมหายใจอุ่น ๆ ราดรดกล้ามเนื้ออันแข็งแรงจน
มันแทบจะอ่อนยวบยาบ
เอกปล่อยให้ฝ้ายพักอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่ครู่ใหญ่ ไม่นานนักเนื้อตัวร้อนผ่าวของเธอก็เริ่มเย็นลงและหายจากสั่นสะท้าน
"ดีขึ้นหรือยังน่ะ ..." ชายหนุ่มถามฝ้ายที่แหงนหน้าขึ้นมาจ้องมองเค้าด้วยดวงตากลมโตแทบไม่กระพริบ
"... พี่เอก แกล้งฝ้ายเหรอ ..." สาวสวยพยายามหาคำอธิบายให้อาการของตัวเอง
"เฮ้ย ... พี่จะแกล้งยังไงล่ะ ฝ้ายเป็นอะไรก็ยังไม่รู้เลย แล้วตกลงหายหรือยังล่ะเนี่ย" เอกเอื้อมมือไปอังที่หน้าผากของฝ้ายด้วยความห่วงใย แต่ก็
ไม่พบความรู้สึกผิดปกติอะไร เนื้อตัวของเธออุณหภูมิปกติ
"ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ ... ไม่รู้สึกแปลก ๆ เหมือนเมื่อกี้แล้ว เดี๋ยวฝ้ายพักอีกหน่อยก็คงหาย" สาวสวยซุกหน้ากับกล้ามเนื้อหน้าอก ก่อนที่จะเผลอยิ้ม
อย่างดีใจ เธอรู้สึกดีไม่น้อยกับการแสดงออกถึงความห่วงใยของแฟนหนุ่ม ความจริงเธอรู้สึกหายดีแล้ว แต่ยังอยากจะซุกไออุ่นแบบนี้ต่อไปอีก
"ฮืออ ฮือออ" เสียงหญิงสาวร้องไห้ดังออกมาจากที่ไม่ไกลนัก ฝ้ายสะดุ้งตัวเบา ๆ เหลือบหันมองไปตามเสียงร้องไห้ ก็เห็นร่างหญิงสาวนางหนึ่ง
นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ เธอไม่แน่ใจว่านั่นคือปูหรือเปล่าเพราะไม่ได้เห็นหน้า จึงหันหน้ามามองเอกด้วยความสงสัย เอกเพียงตอบด้วยการพยัก
หน้าแล้วปล่อยแขนที่ประคองกอดร่างของฝ้ายออก เป็นสัญญาณให้ฝ้ายเป็นคนจัดการ
..............................................
ปูเงยหน้าเหลือบชำเลืองขึ้นมามองร่างหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าไปหาเธอ เผยให้ฝ้ายมองเห็นคราบน้ำตาที่นองเต็มสองแก้ม ดวงตาสวยนั้นบวม
แดง จมูกขาว ๆ แดงช้ำ ด้วยแรงสะอื้นไห้จนหมดสวย
"ปู ไม่ต้องกลัวนะ พวกเรามาช่วยคุณออกไป" ฝ้ายทิ้งเอกให้รออยู่ห่าง ๆ แล้วเดินเข้าไปหาปูช้า ๆ เพื่อระวังไม่ให้ปูตกใจกลัวซะก่อน และดู
เหมือนว่าจะได้ผล เธอไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมา เหมือนตอนที่เอกเดินดุ่ย ๆ เข้าไปหาเธออีกแล้ว
"....." ปูยังคงนั่งนิ่งไม่ตอบ เธอนั่งมองฝ้ายที่เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเฉยชาที่เดาความรู้สึกไม่ออก เอกยืนมองดูช่วยลุ้นอยู่ห่าง ๆ เขาอยากรู้อยู่
เหมือนกันว่า พยาบาลสาวคนนี้จะทำอย่างไร เพื่อคุยกับปูให้รู้เรื่อง และสิ่งที่ฝ้ายพยาบาลสาวคนสวยทำก็คือ ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ปู แล้วใช้
สองแขนโอบกอดปูไว้
"ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พวกเราอยู่นี่แล้ว ไม่มึใครทำอะไรปูได้อีก พี่รับรองนะ" ฝ้ายกอดปูไว้แน่น พร้อมกับส่งเสียงปลอบประโลมอย่างอบอุ่น
บทเรียนวิชาพยาบาลที่เธอเคยร่ำเรียนมาช่วยเธอได้ไม่น้อยทีเดียว การพูดคุยกับผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต อันดับแรกสุดจะต้องให้เขาหรือเธอ
มั่นใจก่อนว่าตัวคนที่เจรจาด้วยไม่มีอันตราย และตัวคนไข้ต้องอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัยจากอันตรายด้วย
".... ฮือออออออ " ปูกอดฝ้ายตอบเหมือนกับเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่นจากแม่ เธอส่งเสียงร้องไห้โฮมากกว่าเดิม ราวกับว่าที่ร้องอยู่ก่อน
หน้านี้เธอยังร้องไห้ออกมาไม่เต็มที่ และอยู่ดี ๆ ก็มีเม็ดฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้มองไม่เห็นสภาพรอบข้าง นี่คงจะเป็น
เสมือนสภาพจิตใจของปูตอนนี้กระมัง แม้ว่าฝ้ายจะรู้สึกเจ็บจากสัมผัสอันหนักหน่วงของเม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมา แต่เธอก็กลับยิ่งกระชับกอดร่าง
จิตของปูให้แน่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อบ่งบอกว่าเธอจะปกป้องปูอย่างเต็มที่
..............................................
ครืด ครืดดด เสียงพยาบาลในชุดขาวเข็นรถเข็นคนไข้เดินผ่านหน้าห้องพยาบาลเจ้าปัญหาไปอย่างช้า ๆ เธอแอบชำเลืองมองเข้าไปด้านในห้อง
ผ่านกระจกใสที่หน้าประตูแต่ก็ไม่เห็นใครเลย เธอแอบลุ้นอยู่ว่าฝ้ายเพื่อนสาวสวยของเธอ จะไปได้ดีกับหมอหนุ่มอนาคตไกลคนนั้นหรือไม่ แต่
ก็ต้องผิดหวังเพราะเธอไม่เห็นอะไรเลย เธอจึงเดินผ่านหน้าห้องไปโดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมอาชีพของเธอนั้นกำลังโดนกระทำชำเราอะไรอยู่
ฝ้ายพยาบาลสาวสวยในสภาพกึ่งเปลือยนั่งสลบไสลแน่นิ่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงนอนคนไข้ เธอเอนตัวหลับพริ้มพิงกับพนักพิงหลัง สาบเสื้อ
พยาบาลสีขาวแบะแยกออกจากกัน ยกทรงตัวสวยหล่นตุบลงไปกองอยู่ที่เอวคอดกิ่ว เผยหน้าอกขาวอวบนวลเนียนสวยได้รูปให้โชว์ตัวหรา
อยู่อย่างที่เจ้าตัวไม่สามารถที่จะปิดป้องได้ ขณะเดียวกันสองขาขาวเรียวก็ถ่างแยกออก โชว์เนินสวรรค์แสนโหนกนูนที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำรักที่เอ่อ
ล้นออกมา กลีบเสียวของเธอที่เพิ่งจะไปถึงจุดสุดยอดเมื่อกี้นี้ ยังคงออกแรงตอดรัดอากาศตุบ ๆ เบา ๆ เหมือนกับจะบอกว่าเธอพร้อมรับการสมสู่
อันร้อนแรงแล้ว
เก่งหนุ่มบ้านนานั่งคุกเข่าอยู่ในสภาพเปลือยกาย อวดโชว์ร่างกายบึกบึนสีดำคล้ำที่โดนแผดเผาด้วยไอแดดจากการทำไร่ทำสวนอยู่เป็นประจำ
ดวงตาของเขาร้อนผ่าวจนแดงกล่ำ เขาหายใจหอบถี่รุนแรงด้วยแรงใคร่ปราถนาในกามารมณ์ ท่อนเอ็นอวบอ้วนสีดำคล้ำที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด
ปูดโปนแข็งตัวเหมือนท่อนไม้ มันชี้ตระหง่านผงกหัวหงึก ๆ อยู่อย่างหงุดหงิดใจ มันรอคอยอยู่เนิ่นนานแล้วก็ยังไม่ได้มุดเข้าไปสำรวจถ้ำสวาท
อันอบอุ่นของสาวสวยทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างกันแค่คืบซักที เก่งชะงักอยู่อย่างนั้นมาครู่ใหญ่แล้ว เขามองสำรวจเรือนร่างงามหมดจดของพยาบาลสาว
คนสวยที่นอนสลบไสลในสภาพกึ่งเปลือยอีกครั้งอย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยแรงปราถนาแห่งกาม เมื่อกี้นี้ขณะที่เขากำลังหน้ามืดตามัวคิดแต่จะ
สอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปเพื่อคลายความกระสันนั้น ก็เหลือบสายตาไปมองเห็นน้ำตาใส ๆ ไหลพรากออกมาจากสองตาของปูแฟนสาวที่นอนหลับ
อยู่ ความผิดชอบชั่วดีและศักดิ์ศรีของเขากลับมาทำงานอีกครั้ง ภาพแฟนสาวที่โดนหมอผีชั่วช้าสามานย์กระทำชำเราฉุดคร่าพรหมจรรย์ไปในค่ำ
คืนก่อนวิวาห์อย่างอุกอาจ โดยที่เขาผู้ซึ่งเป็นว่าที่สามีไม่อาจที่จะทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย ภาพนั้นแว้บผ่านเข้ามาในสมองอีกครั้งอย่างแจ่มชัด
มันช่างเป็นสิ่งที่โหดร้ายจนเขาทนรับแทบไม่ได้ แล้วนี่ ...... แล้วนี่เขากำลังจะทำสิ่งเดียวกันนั้นงั้นหรือ ? เปล่าหรอกสิ่งที่เขาทำนั้นร้ายกาจกว่ามาก
เพราะเค้ากำลังจะข่มขืนแฟนสาวของคนที่กำลังเสี่ยงชีวิตช่วยแฟนของเขา เก่งกัดฟันกรอด ๆ เขากำหมัดแน่นความรู้สึกเกลียดชังรุนแรง
พวยพุ่งอัดฉีดไปทั่วร่าง ในตอนนี้เขามิได้เกลียดชังใครอื่น หากแต่เป็นตัวเขาเองที่เกิดความรู้สึกไม่อยากที่จะให้อภัยตัวเอง สิ่งที่เขากำลังทำมัน
ช่างเป็นสิ่งเลวร้ายเหลือเกิน เขาหันไปมองดูปูที่น้ำตายังคงไหลพรากอยู่อีกครู่ใหญ่อย่างสำนึกผิดก็ลุกขึ้น ยืนดึงกางเกงขึ้นมาสวมใส่ แล้วจัดแจง
จัดเครื่องแต่งกายของฝ้ายให้เป็นปรกติ ก่อนที่จะขยับตัวไปนั่งจับกุมมือของแฟนสาวที่ขอบเตียงอีกด้านเพื่อให้กำลังใจตามที่ควรจะเป็น
..............................................
ในห้วงแห่งโลกจิตวิญญาณ เวลาผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เหมือนวิธีการของฝ้ายจะได้ผล และก็เป็นโชคดีของตัวเธอเองด้วยเหมือนกันที่ ปูร้องไห้ออก
โฮออกมาอย่างเต็มที่ จนร่างเนื้อของเธอถึงกับต้องหลั่งน้ำตาตาม และทำให้ฝ้ายรอดพ้นจากการโดนกระทำชำเราได้อย่างหวุดหวิด
"ฮึก ฮึก ..." เสียงปูสะอื้นไห้เบาลงเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กันกับสายฝนที่ค่อย ๆ โปรยปรายลงมาน้อยลงเรื่อย ๆ จนตอนนี้เหลือเพียงสายฝนปรอย ๆ
"ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว ผีสาวตัวนั้นพวกเราก็จัดการแล้ว" ฝ้ายลูบหัวของปูไปมา เหมือนกำลังปลอบใจเด็กน้อยขี้แย
"แต่ปูกลัว ลุงคนนั้น เค้า ... เค้าทำร้ายปู ฮือ ฮือ" ปูยังคงร่ำไห้กอดร่างของฝ้ายไว้แน่น
"ตอนนี้พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาลนะ ตำรวจอยู่กันเต็มเลย ไม่มีใครทำอะไรปูได้หรอก คุณเก่งก็รออยู่ด้วยนะ" ฝ้ายพูดปลอบได้ค่อนข้างดีทีเดียว
"... แต่ว่า ... พ่อ แม่ พี่ น้อง ของปูตายหมดแล้ว ตายหมดแล้ว ฮืออ ปูไม่เหลือใครแล้ว ปูอยากตาย" เหมือนจะคุ้มดีคุ้มร้าย อาการสงบหายไป
เธอส่งเสียงกรีดร้องเสียงดังลั่นเหมือนกับคนบ้า ทำเอามิติโดยรอบสั่นไหว คึ่ก คึ่ก ไปมาเบา ๆ เหมือนกับเกิดแผ่นดินไหว ความโหดร้ายที่เธอ
ได้รับ ทำเอาสาวน้อยบอบบางอย่างเธอไม่อยากที่จะรับมันไหวอีกต่อไป เอกที่มองอยู่ห่าง ๆ ก็แอบนึกตาม เขาไม่มีเหตผลอะไรเลยที่จะโน้มน้าว
เธอให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
"เพียะ" เสียงฝ่ามือเล็ก ๆ ของฝ้าย ตบไปที่หน้าของปูอย่างแรงจนเสียงดัง หน้าของปูสะบัดหงายไปตามแรงมือ
"ฮึก ฮึก ..." ปูหยุดหวีดร้อง เธอทำหน้างง ๆ กับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเอามือไปลูบที่แก้มตัวเองเบา ๆ พร้อมกับหันมามองฝ้ายอย่างงง ๆ
"อย่าพูดบ้า ๆ นะ อยากตายอะไรกัน" ฝ้ายที่ทำสีหน้าอ่อนโยนมาตลอด กลับพูดด้วยอารมณ์โกรธเคือง น้ำตาใส ๆ ไหลเจิ่งนองออกจากตาสวย ๆ
ของเธอทั้งสองข้างอย่างไม่อาจบังคับได้
"ตายไปแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ ตายไปแล้วเธอจะไปเป็นเหมือนผีสาวตนนั้นน่ะเหรอ ผีที่ไม่รู้จักความรัก ผีที่ไม่มีความสุข แบบนั้นเหรอ ...."
เธอหยุดเว้นจังหวะหน่อยนึง ก่อนที่จะพูดต่อ
"รู้มั้ยมีคนมากมายที่ยอมสู้อย่างไม่ย่อท้อ แค่เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ แต่นี่ปูจะอยากตายกันง่าย ๆ อย่างงั้นเหรอ .... รู้มั้ย แม่ของฝ้ายป่วยเป็นมะเร็ง
ระยะสุดท้าย อาการหนักเจียนตายตั้งแต่ฝ้ายยังเด็กอยู่ หมอบอกว่าไม่มีทางรักษาได้ และจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี ตอนนั้นแม่ผอมจนเหลือ
แต่หนังหุ้มกระดูก จะกินก็ไม่ได้ จะนอนก็ไม่หลับ จะขยับตัวแต่ละทีก็เจ็บปวดไปทั้งตัว แต่แม่ก็ยังคงสู้ชีวิต แม่ไม่มีวันยอมแพ้กับมัน แม่กัด
ฟันสู้ตายเพื่อมีชีวิตอยู่ .... รู้มั้ยว่าทำไม" ฝ้ายหยุดเว้นจังหวะ มองสบตากับปูอยู่ครู่ใหญ่ แล้วพูดต่อ
"แม่บอกว่าแม่จะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อดูฝ้ายเรียนจบ ดูฝ้ายทำงาน แม่จะรอดูฝ้ายแต่งงาน มีลูก มีหลาน มีครอบครัวอย่างมีความสุข"
" .... แต่น่าเสียดาย ... แม่ของฝ้ายทนสู้กับโรคร้ายนั้นได้แค่ 7 ปี ... 7 ปีกับการทุกข์ทนทรมาณที่แสนยาวนาน ฝ้ายเคยคิดสงสารไม่อยากให้
ท่านทรมาณมากไปกว่านี้แล้ว แต่วันที่ท่านจากไป ท่านบอกว่าอะไรรู้มั้ย ... แม่พูดด้วยเสียงแหบแห้ง แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่าง
มีความสุข แม่บอกว่าแม่มีความสุขที่สุดที่ได้เห็นลูกสาวคนเดียวของแม่ ได้ใส่ชุดครุยรับปริญญา และแม่จะพยายามทนดูต่อไปจนกว่าจะได้
อุ้มหลาน แม่จะพยายามอยู่จนถึงที่สุดเพื่อที่จะได้เห็นฝ้ายมีความสุข..." ฝ้ายเอื้อมมือมาปาดเช็ดน้ำตาที่ยังคงไหลนองออกไป
"แต่ แต่ว่าแม่ก็ทนต่อไปไม่ไหว ท่านจากฝ้ายไปด้วยรอยยิ้มในคืนนั้น คืนที่ฝ้ายรับปริญญา ฮืออ ฮือออ" ฝ้ายที่เป็นคนปลอบใจกลับทรุดตัวลง
นั่งร้องไห้โฮราวกับเสียสติ
เอกเดินเข้าไปโอบกอดฝ้ายไว้แนบอก เขารู้สึกสงสารฝ้ายขึ้นมาจับใจ เขาไม่เคยรู้ความจริงข้อนี้เลย ว่าฝ้ายเองก็เคยมีความหลังที่โหดร้ายแบบนี้
อยู่ด้วย ฝ้ายร้องไห้โฮซบกับอกอุ่น ๆ ของแฟนหนุ่มเหมือนกับต้องการจะระบายเอาความอัดอั้นในใจที่เก็บกดไว้มาแสนนานออกมาให้หมด
ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงความเศร้าจากน้ำตาเปียก ๆ ที่อุ่นและชื้นแฉะอยู่เต็มแผงหน้าอก เนื้อตัวของฝ้ายสั่นระริกเหมือนลูกนกตัวเล็ก ๆ ที่พลัดหลง
จากแม่ เธอบดเบียดร่างเล็ก ๆ ของเธอกับร่างของชายหนุ่มจนแนบแน่น เหมือนจะพยายามไขว่คว้าหาความอบอุ่นมาเติมเต็มจิตใจที่เศร้า
หมองนั้นให้ดีขึ้น ชายหนุ่มกอดรัดร่างของเธอเป็นการตอบกลับ ความรักความอบอุ่นที่มีให้ ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น อืม เธอชอบความรู้สึกแบบนี้
เหลือเกิน ความรู้สึกที่มีใครสักคนที่ห่วงหาอาทรในตัวเธอสวมกอดเธอไว้แน่น ๆ ให้เหมือนกับว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีหายไปไหน
เอกยังคงกอดร่างฝ้ายไว้อย่างแนบแน่น เขาหันไปมองทางปูที่ดูเหมือนจะสงบลงไปเยอะ เธอคงจะเริ่มคิดบางอย่างได้แล้ว
"ปูบอกว่าไม่เหลือใครอีกแล้วในชีวิตนี้ ... แล้วผู้ชายคนที่คอยเฝ้าดูแลเธออยู่ไม่ห่างล่ะ คนนั้นคือใคร" เอกพูดถามปู
"....... พี่เก่ง ..." ปูบ่นรำพึงชื่อชายคนรักเบา ๆ
"ที่ด้านนอก ผู้ชายที่รักปูอย่างหมดใจ เค้าจับกุมมือของปูอยู่นะ เธอไม่รับรู้ถึงความรักความอบอุ่นที่เค้ามอบให้เลยเหรอ" เอกพูดต่อ
"....พี่เก่ง ยังรักปูอยู่เหรอ...." ปูพูดเสียงแหบพร่า เธอบีบมือของตัวเองแน่น เหมือนจะพยายามสัมผัสถึงความรักความอบอุ่นที่ถ่ายทอดเข้ามา
"ใช่แล้วล่ะปู คุณเก่งเค้าเฝ้าดูแลปูอยู่ไม่ห่างเลยนะ เค้าจะต้องรักปูมากแน่ ๆ" เอกพูด
"แต่ปูไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว ปูโดนมันข่มขืน แถมเมื่อกี้ปูยังมีอะไรกับหมอคนนั้น แล้วก็คุณ ... อีก เค้าจะยังรักปูได้สนิทใจอีกเหรอ" เธอ
มองไปทางเอกน้ำตาของเธอเริ่มไหลปริ่มออกจากเบ้าตาสวยนั้นอีกครั้ง
"ผิดแล้วล่ะครับปู" เอกเอื้อมมือไปจับมือของปูไว้ พลางมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำเข้มที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้น
"สำหรับผู้ชายแล้ว หากเรารักใครสักคนด้วยใจล่ะก็ ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นยังไง เราก็ไม่สนใจทั้งนั้น" เอกพูดน้ำเสียงจริงจัง ภาพน้องหญิง
ลอยขึ้นมาในใจทันที หากน้องหญิงของเขาต้องเจออะไรแบบนี้เข้าล่ะก็ เขาก็ยังยินดีที่จะรักเธอด้วยความเต็มใจ มันไม่ใช่คำพูดที่พูดขึ้นมาเพื่อ
ให้ดูสวยหรูอย่างแน่นอน หากแต่เป็นคำพูดที่เปล่งออกมาจากเบื้องลึกของจิตใจ
"...." ฝ้ายเองก็ส่งยิ้มแล้วมองไปทางเอกอย่างซาบซึ้งกับคำพูดนั้น ดูเธอท่าทางออกอาการเขินอาย เหมือนกับคิดว่าคำพูดนั้นของเอกหมายถึงเธอ
ซึ่งความจริงแล้วฝ้ายเองก็เป็นคนสวยน่ารักมาก หากแต่ว่าสำหรับเอกแล้ว คงยากที่จะหาใครมาแทนที่ผู้หญิงอันดับหนึ่งในดวงใจของเขา
"....." ปูนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ดูเหมือนว่าเธอจะรับรู้ความจริงใจที่ผมถ่ายทอดให้กับเธอได้ ผ่านทางดวงตา สภาพรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปตาม
ความนึกคิดของปูเจ้าของดวงจิต ทะเลเลือดที่แผ่กว้างไม่สิ้นสุดเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพื้นหญ้าเขียวขจีดูสด ใสมีชีวิตชีวา ใบหน้าสวยเริ่มฉีกยิ้มอัน
สดใสออกมาได้บ้างแล้ว พลันนั้นแสงสว่างจ้าสีขาวก็สาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ เอกและฝ้ายรู้สึกเหมือนสติตนเองกำลังจะดับวูบลงไปอีกครั้ง
"พ่อเก่งมากจ้ะ พวกหนูพากลับล่ะนะ" เสียงของเด็กน้อยสองคนหัวเราะคิกคักแว่วเข้ามาในโสตประสาทของเอกก่อนที่สติจะดับวูบหายไป
เอกลืมตาตื่นขึ้นมาช้า ๆ มองเห็นปูในชุดคนไข้มองเขาอยู่ตาใสแป๋ว มองไปด้านข้างมีฝ้ายและเก่ง ยืนมองเหมือนลุ้นอะไรบางอย่างอยู่ เขากวาด
สายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ตอนนี้เขากลับเข้าร่างเหมือนเดิมแล้ว ปู และฝ้าย เองก็กลับมาอย่างปลอดภัย นี่แสดงว่าเขาทำสำเร็จแล้ว
"พี่เอกกลับมาแล้ว" ฝ้ายยิ้มอย่างร่าเริง เธอกระโดดเข้ามากอดรัดเอกเหมือนกับเด็ก ๆ
"ขอบคุณมากครับคุณเอก คุณฝ้าย ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงดี หากมีอะไรผมช่วยได้ล่ะก็ ผมยินดีช่วยเต็มที่นะ" เก่งเองก็โผเข้ากอดเอก
เหมือนกัน เขารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันคนนี้มากมายนัก
"โอ๊ย ๆ ปูหนักนะ มากอดอะไรกันตรงนี้ล่ะ" ปูฟื้นขึ้นมาแล้วก็บ่นกระปอดกระแปดทันที
"แหม ก็คนมันรักกันนี่นา ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เอกแกล้งกอดเก่ง แล้วส่งเสียงเย้าแหย่คนไข้สาวสวยตามนิสัยขี้เล่นของเขา
"ไปกอดกันที่อื่นเลยไป ปูยกพี่เก่งให้ก็ได้ แต่ต้องแลกกับพี่ฝ้ายนะ" ปูทำหน้างอนใส่เอื้อมมือไปจับแขนของฝ้ายไว้ ท่าทีของเธอทำเอาทั้ง
กลุ่มส่งเสียงหัวเราะร่าออกมาอย่างมีความสุข ในมิตรภาพที่มีให้แก่กัน แม้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่พวกเขาก็มั่นใจว่า
คำว่ามิตรภาพจะคงอยู่กับพวกเค้าต่อไปอีกนานเท่านาน
....................................................................................
บนตึกสูงระฟ้า ที่ห้องอาหารสุดหรูของโรงแรม 5 ดาว ใจกลางเมืองกรุง
นักดนตรีบนเวทีสองคนตั้งอกตั้งใจบรรเลงเสียงเพลงผ่านเปียนโนและไวโอลินอย่างสุดฝีมือ ท่วงทำนองหวานหูสบายอารมณ์ถูกบรรจงขับกล่อม
ออกมาให้บรรดาเศรษฐีผู้มีอันจะกินที่มาเป็นแขกใช้บริการและรับประทานอาหารในห้องอาหารแห่งนี้ได้รับฟัง ที่โต๊ะอาหารตัวหนึ่งบริเวณ
มุมสลัวแสงไฟ ซึ่งอยู่ติดกับกระจกบานใหญ่ เอกนั่งอยู่ในชุดสูทสากลสีดำแลดูทะมัดทะแมง เขาเหลือบมองดูเข็มนาฬิกาข้อมือที่ชี้ตรงไปที่เลข
12 อันบ่งบอกถึงเวลาเที่ยงคืนพอดี แม้ว่าด้านอกกระจกจะมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของแสงไฟยามค่ำคืนจากหลอดนีออนในตัวเมืองอันสวยงาม
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าสาวสวยเบื้องหน้านั้นสวยงามกว่าภาพวิวใด ๆ
"สุขสันต์วันเกิดครับฝ้าย" เขาพูดพร้อมกับยกแก้วไวน์ราคาแพงระยับที่สะท้อนแสงไฟจนเป็นประกายวาววับขึ้นไปทางคู่ควงที่นั่งอยู่ตรงข้าม
"ขอบคุณค่ะ" ฝ้ายยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนตอบ ใบหน้าสวยยิ้มหวานชื่นอย่างมีความสุขภายใต้แสงเทียนที่สาดส่องพอสลัว ๆ แก้มขาวผ่องแดงระ
เรื่อ เธอรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์จากไวน์ราคาแพง ตอนนี้พยาบาลสาวคนสวยสลัดชุดพยาบาลมาสวมใส่ชุดราตรีแบบเปิด
ไหล่สีขาวสะอาดซึ่งทำให้ยิ่งขับสีผิวขาวนวลเนียนที่ขาวผ่องอยู่แล้วให้แลดูขาวใสจนเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น ความขาวผ่องของลำคอและหัวไหล่กลม
กลึงของเธอสะท้อนแสงไฟราวกับจะเป็นประกายอยู่ในความมืดสลัวนี้ เนื้อผ้าบางเบาทำหน้าที่ปกปิดหน้าอกอวบใหญ่อย่างหมิ่นเหม่ หากเพียง
กระตุกผ้าเส้นเล็ก ๆ ที่ทำหน้ายึดตัวเสื้อไว้กับต้นคอเบา ๆ มันก็จะหลุดลุ่ยเปิดโชว์ความอุดมสมบูณณ์ชองเนินเนื้อหน้าอกกลมกลึงสวยได้รูป
ออกมาโดยง่าย เนื้อผ้ากระชับแนบรัดรึงกับสัดส่วนอวบอัดแบบแนบชิดเนื้อสาว ทำเอาเอกและหนุ่ม ๆ น้อยใหญ่รอบข้างต้องแอบเผลอมอง
และจินตนาการถึงสัดส่วนเรือนกายแสนยั่วยวนของสาวสวยคนนี้
ริมฝีปากบางถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสดของลิปสติคเนื้อเนียน ผมสีดำขลับเนียนนุ่มโดนรวบปัดมาอยู่ที่ด้านข้าง เพื่อโอ้อวดแผ่นหลังเปลือยเปล่า
ที่ไร้รอยสิวฝ้าให้คนรอบข้างได้ยลโฉมอย่างยั่วยวน เอกพยายามมองสังเกตก็ไม่เห็นมีสายรัดของยกทรงปรากฎออกมาจึงแอบเดาว่าวันนี้
พยาบาลสาวสวยแสนใจดีของเขานั้นโนบรา และก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ฝ้ายรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอเพิ่งจะได้ลองใส่เสื้อตัวนี้เป็นครั้งแรก
หลังจากที่ฝนเพื่อนรักของเธอซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เมื่อปีที่แล้ว ฝนกำชับเธอว่าหากจะใส่ชุดนี้จะต้องไม่ใส่ยกทรงจะได้ดูสวยและเซ็กส์ซี่
ด้วยความอยากลอง และอยากเอาใจแฟนหนุ่มเธอจึงลองทำตามคำแนะนำของเพื่อนรักคนนี้ดู และตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เพื่อนเธอพูดเป็น
ความจริง เพราะเธอกำลังตกเป็นสายตาหื่นกระหายอยากจากรอบทิศ โดยเฉพาะบริกรหนุ่มที่คอยยืนให้บริการอยู่ข้าง ๆ เธอ เขาแทบจะไม่
ยอมเดินออกไปห่างจากเธอซักเท่าไหร่นัก เธอรู้สึกได้ว่าสายตาอันแสนซุกซนตามประสาวัยรุ่นของบริกรหนุ่มนั้นพยายามสอดส่ายมองสำรวจ
ปราดเข้าไปในทรวดทรงองค์เอวของเธอแทบจะตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกภูมิใจตัวเองไม่ได้ ที่แฟนหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้าก็กำลัง
มองดูเธอด้วยสายตาแบบเดียวกัน วันนี้เธอรู้สึกมีความสุขมากมายเหลือเกิน ที่ได้อยู่ร่วมกันกับชายหนุ่มที่เธอหลงรัก แม้ว่าเขาอาจจะมีเจ้าของ
จับจองหัวใจอยู่แล้วก็ตาม แต่คืนนี้เขาคนนี้จะเป็นของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอพยายามคิดปลอบใจตัวเอง หากแต่สาวสวยก็ยังรู้สึกได้ถึง
แรงหึงหวงที่เกิดขึ้นภายในใจ เธอรู้สึกอิจฉาคุณหนูคนสวยคู่รักตัวจริงของเอกขึ้นมาจับใจ ก็ผู้หญิงคนไหนบ้างล่ะที่ไม่อยากให้ผู้ชายที่ตนหลงรัก
มีแต่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอยกแก้วไวน์ขึ้นลิ้มชิมรสชาติอันละเมียดละไมก่อนที่จะกระดกเข้าไปลำคอแบบ อึกเดียวหมดเพื่อดับความว้าวุ่น
ในใจ เธอรู้สึกร้อนวาบเป็นทางยาวลงไปในลำคอทันทีที่กลืนไวน์ลงไป และเมื่อวางแก้วลงบริกรก็รีบกุลีกุจอเดินเข้ามาจัดแจงรินไวน์รสชาติดีใส่
กลับเข้าไปใหม่อย่างรวดเร็ว นี่เป็นแก้วที่ 8 ของเธอแล้วในค่ำคืนนี้
"ไม่นึกว่าฝ้ายจะชอบดื่มไวน์แบบนี้นะ ไม่งั้นจะได้พามาบ่อย ๆ" เอกมองหน้าฝ้ายทำตากรุ้มกริ่ม เขาแปลกใจเล็ก ๆ ไม่นึกว่าฝ้ายนิยมชมชอบ
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์แบบนี้ด้วย และที่สำคัญวันนี้เธอคนนี้ดูร้อนแรงผิดปกติ
"นี่ฝ้ายก็เพิ่งจะลองดูเป็นครั้งแรกน่ะค่ะ รสชาติดีจัง พี่เอกคงต้องพาฝ้ายมาทานบ่อย ๆ แล้วล่ะ... นี่ไวน์อะไรคะ" ฝ้ายตอบพลางนึกอยากจะยั่ว
แฟนหนุ่มให้รู้สึกหึงหวงเธอบ้าง เธอจึงยกแก้วไวน์ด้วยท่วงท่ายั่วยวนแล้วหันไปถามบริการหนุ่มพร้อมกับแสร้งทำตาหวานเยิ้มใส่เขาต่อหน้า
"อะ เอ่ออ อะ อันนี้คือ ชาโตว์ไวน์ ปี 80 ครับ" บริกรหนุ่มตอบเสียงตะกุกตะกัก เขารู้สึกประหม่าเมื่อต้องสบตากับดวงตาหวานเยิ้มของสาวสวย
สุดเซ็กส์ซี่คนนี้ ด้วยตำแหน่งที่เขายืนอยู่ซึ่งอยู่ในมุมสูงทำให้สามารถมองลอดเนื้อผ้าเข้าไป เห็นร่องอกขาวเนียน และเขาก็แอบเห็นหัวนมสีชมพู
สวยแว้บ ๆ ด้วย กลิ่นหอม ๆ แสนยั่วยวนที่โชยมาจาง ๆ จากเรือนกายของหญิงสาวทำเอาเค้ารู้สึกเหมือนจะยืนไม่ติดพื้น ความกำหนัดเพิ่มขึ้น
อย่างรุนแรง จนรู้สึกปวดหนึบ ๆ ที่กลางเป้ากางเกง เขารู้สึกอิจฉาผู้ชายที่มาด้วยกันกับสาวสวยคนนี้ขึ้นมาจับใจ
"... งั้นขออีกแก้วนะคะ เต็มแก้วเลยก็ได้" ฝ้ายยกไวน์แก้วที่ 9 กระดกอึก ๆ เข้าไปรวดเดียวหมด ก่อนที่จะแกล้งแลบลิ้นเลียไปรอบปากอย่างยั่ว
ยวนกิเลสเพศตรงข้าม พลางส่งยื่นแก้วไวน์ให้บริกรหนุ่ม
"คะ ครับ" บริกรหนุ่มมือไม้สั่นระริ