จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 29 มีเหมือนไม่มี (เล่าเรื่องเสียว)
“เรียนท่านเจ้าสำนัก มีเหล่าจอมยุทธ์ชาวตงง้วนบุกมาตอนนี้พวกเราเหล่าพี่น้องนินจาสกัดอยู่”
“พวกมันเป็นพวกไหน”
“เรียนท่านเจ้าสำนัก ดูเหมือนเป็นฝ่ายอธรรมของตงง้วนสกัดในนางพญาเซี่ยงหวี่แต่ไม่เห็นพวกประมงเบ็ดเดียว กับ นาง คาดว่าไม่ได้มาด้วย”
“ผิดแล้วหมายเลข 22 พวกมันมานานแล้วคงอาจอยู่แถวนี้คอยฉวยโอกาสก็เป็นได้”
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนัก เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“ว่าไงหมายเลข 45 เราให้เจ้าไปพานางเชลยมาอย่าบอกนะมันฆ่าตัวตายไปแล้ว”
“หามิได้เรียนเจ้าสำนัก พวกมันหนีไปแล้ว พร้อมนำเชลยทั้งหมดไปด้วย”
“ว่าไงนะ”
ตูม เจ้าสำนักนินจาฟาดฝ่ามือไปที่เสาใกล้มือปรากฏรูปฝ่ามือลึก ห้าหุน หลังคาเสาโยกตามพลัง ฝุ่นพร่างพรู แสดงให้เห็นถึงพลังวัตร และ ความเดือดดาลได้
“พวกเจ้าล้วนเลี้ยงเสียข้าวสุก มัวนั่งนิ่งอยู่ทำไมรีบไปตามล่าพวกมัน เจ้าหมายเลข 22 เฝ้านางซากุระไว้ อย่าให้มีปัญหามิฉะนั้นหัวเจ้าจะหลุดจากบ่า”
“คิก คิก คิก ตอนนี้ท่านไม่มีอะไรมาข่มขู่ข้าพเจ้าอีก ท่านฟังไว้อย่าให้เป็นทีของเราบ้างท่านจะรับผลตอบแทนอย่างสาสม”
ซากุระพูดด้วยน้ำเลียงระโหยโรยแรงแต่ดวงตาเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก เป็นดวงตาที่พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้สมหวัง ใช่ ทำทุกอย่าง
“ไม่มีทาง เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นไม่มีสิ่งใดที่เราต้องการแล้วไม่ได้”
หัวหน้านินจาพูดจบเดินออกจากห้องพร้อมกับหมายเลข 45
“คุณหนูท่านยอมเจ้าสำนักเถอะท่านเองจะได้ไม่ทรมาน”
“ท่านหมายเลข 22 ใช่ไหมท่านเข้ามาใกล้ๆเราหน่อย”
นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนินจาหมายเลข 22 ตัวสั่นเข้ามาใกล้ใกล้ร่างเปลือยอันงดงามของซากุระ
“ท่านหมายเลข 22 ข้าพเจ้าตอนนี้เจ็บปวดเหลือเกินท่านกรุณาช่วยแกะเทียนที่อยู่บนร่างข้าพเจ้าได้ไหม”
“เอ่อ ท่านเจ้าสำนัก.....เอ่อ...”
“เขาบอกให้ท่านดูแลเราให้ดีข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการให้ปล่อยข้าพเจ้า เพียงต้องการให้ท่านแกะเทียนให้เท่านั้น ท่านทำเถอะมิฉะนั้นข้าพเจ้าจะบอกเจ้าสำนักท่านว่าท่านไม่ดูแลข้าพเจ้านะ”
“เอ่อ...”
หมายเลข 22 ค่อยๆแกะน้ำตาเทียนด้วยมืออันสั่นเทาตรงปทุมถันซากุระร้องอาเบาสร้างความกระสันรัญจวนให้แก่หมายเลข 22 แท่งดาบในร่มผ้ามันโปร่งนูนออกมา มืออันสั่นเทาค่อยๆแกะน้ำตาเทียนปลายนิ้วโดนยอดพธู นางแอ่นอกขึ้นเผยเต้าอันอวบอิ่มยอดพธูตั้งเต้ามีร่องรอยคราบสีแดงเป็นจ้ำๆจากน้ำตาเทียน หมายเลข 22 บีบไปที่เต้าทั้งสองข้างนั้นอือช่างเต็มมือจริง
“อ้า.... ท่าน....เบาๆ มันบีบเล่นซักพักจึงค่อยๆแกะน้ำตาเทียนที่อยู่ตรงหน้าท้องอันราบเรียบของนาง นางได้แต่บิดตัว ด้วยความเสียว มันค่อยๆแกะเลื่อนลงไปเรื่อยๆจนถึงสิ่งเร้นรับมันค่อยแกะน้ำตาเทียนอย่างแผ่วเบาปลายนิ้วสะกิดไปที่เกสรที่ตอนนี้มีน้ำไหลเยิ้มนางได้แต่แอ่นสะโพกรับกับมือของมัน ขาก็เริ่มถ่างกว้างเพื่ออำนวยความสะดวกให้มัน ซีด อูย ท่าน ทำดี เหลือเกิน มือข้างหนึ่งของมันบีบไปที่ทรวงอกอันอวบอิ่มเต่งตึงตั้งเต้ามืออีกข้างใช้นิ้วแหย่เข้ารูร่องแห่งพิศวงเขี่ยขึ้นลงนางได้แต่ร้องคราง อา ....ซีด.... อา.... ซีด ... อูย......อา......อยู่ตลอดเวลาร่างกายนางได้แต่กระเด้งขึ้นลงสุดท้ายนางร้อง อ้า โดยแรงขาหนีบแน่นน้ำค้างพร่างพรมเต็มมือของมัน
“แฮก....ท่าน...แฮก....แฮก...เก่งเหลือเกินท่านแก้มัดมือของข้าพเจ้าข้างหนึ่งข้าพเจ้าจะช่วยท่านบ้าง”
มันจึงรีบแก้มือข้างหนึ่งของซากุระออกทันที
“ท่านเข้ามาใกล้ ๆ แก้กางเกงออกด้วย”
มันรีบขยับเข้าใกล้ปลดกางเกงออกเผยแท่งดาบของมันตั้งตรงผงกหัวหงึกหงัก นางจับไปที่แท่งของมัน จากนั้นบีบอย่างแรงด้วยใช้กำลังวัตรทั้งหมด โอ๊ย มันตัวงอก้มลงมา นางแบมือเหยียดตรงแทงที่คอหอยของมัน สวบ เลือดไหลเปรอะเต็มใบหน้านาง มันมองนางด้วยสายตาเหลือเชื่อแล้วค่อยๆทรุดตัวล้มลง นางรีบแก้เชือกที่มือขาและร่างกาย จากนั้นแก้ผ้าของมันมาสวมใส่แทน
“ข้าพเจ้าบอกแล้วท่านต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม”
เมื่อนางพูดจบคลุมหน้าเป็นหมายเลข 22 แทนก้าวออกจากห้องไป............................
บ่อเมี้ยใช้วิชาตัวเบาสูงสุดลอบทำร้ายนินจาที่อยู่เวรยามปล่อยให้จอมขโมยลอบเข้าไปในตัวอาคารก่อนที่จอมขโมยจะเข้าไปได้นำนกพิราบที่เก็บไว้ในกล่องด้านหลังปล่อยออกไปซึ่งบ่อเมี้ยก็ไม่รู้ว่าจุดหมายมันจะไปที่ไหน บ่อเมี้ยวางราบโดยที่เหล่านินจาที่อยู่ยามโดยไม่รู้ว่าโดนอะไรก็หลับสนิทฝันดีทั่วทุกคนไป ในขณะที่บ่อเมี้ยกำลังใช้วิชาตัวเบาจัดการนินจาคนสุดท้ายมีเสียงลมฝ่าอากาศมาจากด้านหลังบ่อเมี้ยเบี่ยงตัวหลบทันที พบว่าด้านหลังมีนินจารูปร่างสูงใหญ่มีผ้าดำคลุมหน้าไว้แต่ที่แตกต่างจากผู้อื่นตรงที่มีคาดศีรษะเป็นสีทองดูหน้าเกรงขามก็นินจาคนอื่น
“นับว่าเจ้าใจกล้ามากที่บุกมาที่สำนักของเราบุรุษหนุ่มหน้าแดง”
“ท่านคงเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ ท่านจับพวกของเรา ก็เป็นเรื่องชอบธรรมที่เราต้องมาชิงคืน”
“หวังว่าเจ้าคงมีฝีมือเพียงพอรับฝ่ามือ”
มันฟาดฝ่ามือตรงเป็นที่แน่ใจว่าถ้าใครรับมันตรงๆต้องแหลกละเอียดแน่จากพลังลมที่มันฟาดมา บ่อเมี้ยเอี้ยวตัวหลบพร้อมชกเสยเข้าที่ปลายคาง มันถอยหลังพร้อมเหวี่ยงหมัดซ้ายเข้าบ่อเมี้ยกันมันด้วยแขนขวาพร้อมต่อยตรงๆที่หน้าของมัน มันใช้ฝ่ามือรับกับหมัดตรงๆเสียงปะทะกัน ผลั้ว ทั้งคู่กระเด็นไปสองก้าว บ่อเมี้ยใช้วิชาตัวเบาวิ่งวนไปรอบๆเมื่อมีโอกาสก็พลักพลังฝ่ามือใช้พลังห้าส่วนออกไป เจ้าสำนักนินจาก็ใช้ฝ่ามือประทะอีกครั้งผลทั้งสองฝ่ายกระเด็นไปอีกคนละห้าก้าว พวกนินจาที่อยู่ด้านหลังฮือออกมา โบตั๋น และ เบญจมาศซึ่งติดตามบ่อเมี้ยมาจึงใช้กระบวนท่าจากสำนักดอกไม้เข้าโรมรันทันที
“ไร้ยางอาย”
ตอนนี้โบตั๋น และ เบญจมาศได้ถูกปรับพลังวัตรสูงกว่าแต่เก่าก่อนท่าร่างวิชาก็ถูกปรับปรุงโดยบ่อเมี้ย ทำให้สามารถสู้กับมวลหมู่นินจาได้โดยไม่เพี่ยงพร้ำ แต่เหตุที่พวกนางต้องรับมือกับฝูงนินจาที่มากกว่าสิบต่อหนึ่งทำให้พวกนางอดปั่นป่วนไม่ได้ บ่อเมี้ยเหลือบตามมองดูพวกนางอดกังวลไม่ได้แต่จนใจที่คู่ต่อสู้ตนเป็นยอดฝีมือระดับเจ้าสำนักทำให้ไม่สามารถปลีกตัวไปช่วยได้ เสียงเฮดังมาจากด้านหลัง มีกลุ่มนินจาสู้พลางถอยพลางโดยมีกลุ่มชาวยุทธ์ซึ่งบ่อเมี้ยจำได้ว่าเป็นลูกน้องประมงเบ็ดเดียวคอยไล่ต้อน พวกเหล่านินจานั้น ทำให้กองกำลังที่กำลังรุมสองสาวแบ่งกำลังครึ่งนึงไปช่วยเหลือทำให้การรับมือสองสาวมีความปลอดโปร่งมากขึ้นแต่ก็เป็นการต่อสู้ห้าต่อหนึ่งอยู่ดี
“เจ้ท้อมาช่วยแล้ว”
เสียงใสๆดังมาจากตัวอาคารดอกท้อขมิ้นนำกองกำลังนินจาประมาณห้าสิบคนเข้าร่วมต่อสู้ทันทีเพื่อไม่ให้เข้าใจผิดกองกำลังของดอกท้อต่างเปิดผ้าคลุมหน้าหมดสิ้น เมื่อสามสาวรวมตัวกัน ก่อกำเนิดค่ายกลที่ฝึกซ้อม ที่เหมาะกับการรับมือต่อการกลุ้มรุมเป็นที่สุดร่างนินจาที่มากระทบต่อค่ายกลต่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง เจ้าสำนักนินจาหลังจากปะทะบ่อเมี้ยด้วยกำลังภายในเป็นครั้งที่สาม ยังเสมอถอยกันคนละห้าก้าวเห็นว่ายิ่งต่อสู้ยิ่งเป็นผลเสียกับมันอีกทั้งมีเหล่าจอมยุทธ์ที่ไม่รู้ที่มาคอยตลบหลังถ้าจัดการไม่ดีวันนี้ของปีหน้าบุตรหลานมันต้องมาเซ่นไหวมันแน่ มันจึงเกร็งลมปราณตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“หยุดมือ.....”
ได้ผลเหล่าจอมยุทธ์ทั้งธรรมะและอธรรม เหล่านินจาทั้งหลายต่างหยุดมือถอยหลังเข้าสังกัดตัวเองนินจาที่ดอกท้อช่วยเหลือก็ถอยไปอยู่ข้างหลังของดอกท้อเช่นกันตอนนี้จึงกลายเป็นขุมกำลังสามเส้าต่างเฝ้าคุมเชิง
“เป็นยังไงมายังไงถึงรอดมาได้มีคนช่วยเหลือเยอะแยะ ดอกท้อ ขมิ้นเก่งจังแล้วซากุระล่ะ”
บ่อเมี้ยถามสองสาวถ้าไม่มีใครก็คงเข้าไปกอดแล้ว ดอกท้อและขมิ้นเห็นชายคนรักชมยิ้มหน้าบานแล้วบอกว่าเรื่องมันยาวส่วนซากุระเมื่อไปช่วยดูเหมือนจะหนีรอดไปแล้วยังไม่เจอกัน บ่อเมี้ยได้แต่พยักหน้าและหันไปที่เจ้าสำนักนินจา
“พวกท่านต้องการอะไรจึงบุกสำนักของเรา น้ำบ่อกับน้ำคลองไม่กล้ำกรายกันและกันพวกท่านทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร”
เจ้าสำนักนินจาพูดโดยหันไปทางเหล่าจอมยุทธ์ที่บุกเข้ามาทุกคนต่างเงียบเพราะมันไม่มีอำนาจในการตอบ
“พวกท่านไม่มีเหตุผลในการบุกสำนักเราใช่ไหม”
เจ้าสำนักนินจาส่งเสียงตวาด
“ใจเย็นๆท่านเจ้าสำนัก ข้าพเจ้าประมงเบ็ดเดียวเป็นตัวแทนกล่าวกับท่านเอง”
เสียงมันดังจากภายในอาคาร ใช่ ภายในอาคารหมายความว่ามันลอบเข้าในสำนักนินจาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เจ้าสำนักนินจาจึงร้องเฮอะอย่างหงุดหงิดที่สำนักของตนใครจะเข้าจะออกดูเหมือนช่างง่ายดายเหลือเกิน
“สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการถ้าท่านเจ้าสำนักผ่อนผันพวกเราจะไปจากที่นี่ทันที”
“อะไร”
“ก็ชิ้นส่วนของคัมภีร์มหายุทธ์”
“ผายลม........”
“ท่านเจ้าสำนักท่านคิดดีดีเพียงแค่ท่านช่วยเหลือเรา เราเป็นตัวแทนจะตกลงแทนเหล่าชาวยุทธ์ทั้งหมดและหวังว่าคงไม่ทำให้ท่านเจ้าสำนักลำบากใจ แม้ท่านยอมผ่อนผันศัตรูของท่านเราจะจัดการให้ทันที”
เจ้าสำนักนินจานิ่งเงียบเหลียวมองไปที่พวกบ่อเมี้ยที่มีวิทยายุทธ์ใกล้เคียงกับมันบวกกับสามสาวที่สามารถตั้งค่ายกลทำให้คนหมู่มากไม่สามารถทำอย่างไรได้บวกกับพวกเหล่านินจาเดนตายที่รอดจากเงื้อมมือมันต่างมีวิทยายุทธ์สูงทั้งนั้นถ้ากำจัดพวกมันไปก่อนแล้วค่อยกำจัดพวกประมงน่าจะเป็นหนทางดีที่สุด
“เราจะเชื่อพวกท่านได้อย่างไร”
“ข้าพเจ้าประมงเบ็ดเดียวไม่เคยโกหกมาก่อนแต่มีเงื่อนไขให้ท่านให้เราดูชิ้นส่วนว่าเป็นของแท้หรือไม่ก่อนเพียงเท่านั้นพวกเราจะจัดการพวกมันให้ท่านทันที”
“ดีหวังว่าจะเป็นไปตามที่พูด ตกลง หัวหน้านินจาเจ้าไปเอาคัมภีร์มา”
“ท่านไม่ต้องเสียเวลาไปเอาหรอกเล่าฮูนำมาให้แล้ว”
“จอมขโมย”
ทั้งกองกำลังฝ่ายอธรรมและเหล่านินจาต่างร้องเสียงดัง ชายชราเอามือไพล่หลังเดินเข้ากลุ่มบ่อเมี้ยอย่างไม่สนใจใครจะมองอย่างกินเลือดกินเนื้อก็ตาม
“อือพวกเจ้าทำได้ดี”
“ท่านผู้อาวุโส”
“ซือแป๋”
เสียงร้องทักทายจากกลุ่มของบ่อเมี้ยจอมขโมยจึงล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบเศษชิ้นส่วนของคำภีร์มาให้บ่อเมี้ย
“เอ้า เก็บไว้ให้ดี”
“ท่านประมงท่านเห็นชิ้นส่วนของคัมภีร์แล้วแม้ไม่อยู่ในมือเราข้อตกลงยังเป็นเหมือนเดิมหรือไม่”
เจ้าสำนักนินจาจอมเจ้าเล่ห์ต่างคิดให้เหล่าชาวยุทธ์กับนินจาของมันร่วมกันทำลายพวกบ่อเมี้ยเสียก่อนแล้วค่อยจัดการพวกประมงทีหลัง
“อือ เห็นทีเรากับท่านต้องเป็นพันธมิตรชั่วคราวก่อนละมั้ง”
ความคิดของเจ้าสำนักนินจาเองก็อยู่ในความคิดของมันเช่นกัน
“พวกเราจัดการมัน”
เสียงเฮจากเหล่าจอมยุทธ์ฝ่ายอธรรมและนินจาต่างพุ่งตรงเข้าหากลุ่มบ่อเมี้ยที่ชักดาบกระบี่เตรียบพร้อมที่จะรับศึกใหญ่ ตูม ตูม ข้างหน้าของจอมยุทธ์ฝ่ายอธรรมและกองทัพนินจาต่างมีระเบิดขวางหน้าทำให้นักรบที่อยู่ข้างหน้ากระเด็นไปคนละทิศละทาง
“หยุดมือ ท่านเจ้าสำนักท่านเห็นสิ่งนี้ไหม”เสียงใสใสดังมาจากหลังคา ซากุระนั้นเองในมือซ้ายของนางถือป้ายปะกาศิตสีเขียวแวววาวสะท้อนตาในแสงแดด มือขวานางถือระเบิดเพลิงนี่เป็นอาวุธอันทรงพลังที่ซุกซ่อนอยู่ในขุมทรัพย์เจ้าสำนักรุ่นก่อนๆเห็นว่ามันชั่วร้ายจึงเก็บไว้ให้ลึกมีคำสั่งตกทอดสืบมาผู้ที่ได้ขุมทรัพย์ต้องมีคุณธรรมเท่านั้นเพราะในขุมทรัพย์มีอาวุธร้ายแรงถ้าตกในมือคนชั่วช้ายุทธภพได้ถึงกาลวิบัติแน่
“เหล่านินจาทั้งหลายจงฟังเรานี่คือป้ายปะกาศิตหยกเขียว ผู้ใดมีป้ายผู้นั้นคือเจ้าสำนักจงคุกเข่าให้เราเดี๋ยวนี้”
กองกำลังนินจาที่อยู่หลังดอกท้อต่างคุกเข่าทันที ส่วนกองกำลังหลังเจ้าสำนักคนใหม่ต่างมองหน้ากันตามกฎมันเป็นอย่างนี้จริง ๆ และที่ทำตามคำสั่งของประมุขคนใหม่ก็เข้าใจว่าเจ้าสำนักคนเก่ามอบอำนาจให้แล้ว ไม่รู้ใครเริ่มก่อน เริ่มทยอยคุกเข่าแสดงความเคารพสูงสุดสุดท้ายเหลือเพียงเจ้าสำนักคนใหม่ หัวหน้านินจา และสมุนคู่ใจไม่ถึงสิบคน
“บัดซบ เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าตัวมารร้าย เจ้าอย่าอยู่เลย”
หัวหน้านินจาพุ่งเข้าหาซากุระ บ่อเมี้ยที่สังเกตและคอยระวังอยู่แล้วใช้วิชาตัวเบาสูงสุดเข้าไปสกัดกั้นทันที
“หลีกไป”
“ต้องผ่านข้าพเจ้าก่อน”
“ดีเราจะฆ่าเจ้าก่อนชิงคัมภีร์มาแล้วฆ่านังเด็กอวดดีทีหลัง”
ทั้งสองต่างใช้กระบวนท่าวิชาชั้นสูงรุกและรับกันอย่างดุเดือดโดยไม่มีใครสังเกตกองกำลังจอมยุทธ์ฝ่ายอธรรมต่างคืบคลานเข้ามาใกล้เพื่อเตรียมฉวยโอกาสจัดการกับบ่อเมี้ยที่มีคัมภีร์อยู่แต่หาได้รอดสายตาจากจอมขโมยได้จึงสะกิดสามสาวดอกไม้เข้าไปขัดขวางรับศึกด้วยค่ายกลที่คิดค้นขึ้นในขณะเดียวกันเหล่านินจาที่เหลือต่างพุ่งตรงที่ซากุระนินจาที่จงรักภักดีต่างเข้าไปสกัดกั้นจึงเป็นภาพชุลมุน วุ่นวายมีเพียงขมิ้นที่ถือดาบสั้นยืนเคียงข้างซากุระเท่านั้น ในขณะเหล่าจอมยุทธ์ฝ่ายอธรรมที่มีมากมายกำลังรุมจอมขโมย และสามดอกไม้นั้น ตูม มีชาวยุทธ์สองคนกระเด็นไป
“เจ้าเฒ่าขี้โมโหทำไมมาช้านัก”
“เอาน่าจอมขโมยมาช่วยแล้วอย่าบ่นน่า”
มือพิฆาตมังกร แม่ชีตันหยง หงส์หยก และเหล่าพันธมิตรสหพันธ์ผู้กล้าต่างใช้วิทยายุทธ์เข้าพัวพันจอมยุทธ์ฝ่ายอธรรม ในขณะเดียวกันหัวหน้านินจาต่อสู้กับบ่อเมี้ยต่างคนต่างงัดไม้ตายที่ตนเองเรียนรู้มาต่อสู้สัปยุทธ์บ่อเมี้ยบางทีจะช้าไปบ้างเพราะมัวนึกกระบวนท่าของซือแป๋แต่เจ้าสำนักนินจาก็ต้องแก้กระบวนท่าแปลกๆที่บ่อเมี้ยตอบโต้มาทำให้ยังต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียม ในขณะที่กำลังต่อสู้อยู่นั้นบ่อเมี้ยรู้สึกถึงพลังฝ่ามือที่กระแทกข้างหลังจึงหลบให้พลังฝ่ามือไปกระแทกเจ้าสำนักนินจาแทน ปรากฏชายคลุมหน้าด้วยผ้าแพรใส่เสื้อหนังกลับลอบเข้ามาโจมตีมันเพียงพูดคำเดียว
“ส่งคัมภีร์มา.....”
เจ้าสำนักนินจาก็กระแทกฝ่ามือเข้ารับของชายคลุมหน้าไปๆมาๆกลายเป็นการสู้สามฝ่ายต่างมีฝีมือใกล้เคียงกัน “เจ้าต้องตาย”
เสียงฝ่าอากาศมาอีกทางนางพญาเซี่ยงหวี่เหิรคลุมหน้าใส่เสื้อแขนยาวปกปิดร่างกายฟาดฝ่ามือทั้งสามคน นางคลุ้มคลั่งแล้ว ไปไปมามากลายเป็นงูกินหางต่างทำร้ายอีกคนและปกป้องอีกคนโดยไม่รู้ตัว
“ท่านนางพญาบุรุษหน้าแดงมีคัมภีร์”
แต่เมื่อต่างได้สติกลับมากับพุ่งเป้าหมายไปที่บ่อเมี้ยคนเดียวจึงเป็นการรวมพลังกระแทกด้วยลมปราณบ่อเมี้ยได้แต่กระอักเลือดกระเด็นไปเกือบยี่สิบก้าวเมื่อรุกขึ้นมาดูไปรอบๆเห็นการสู้รบไม่จบสิ้นจึงเกิดความคิดขึ้นรีบตะโกนถามมือพิฆาตมังกร
“แป๊ะแป๊ะเศษคัมภีร์อยู่ที่ท่านหรือไม่”
“อยู่เจ้ารับไว้”
มือพิฆาตมังกรล้วงในอกเหวี่ยงให้บ่อเมี้ยอย่างแม่นยำแต่ก็รีบรับมือจากประมงเบ็ดเดียวกับหัวหน้านินจาที่สู้รบติดพันอยู่ บ่อเมี้ยคิดว่าถ้าตราบใดมีคัมภีร์ความวุ่นวายต่างไม่จบสิ้นจึงล้วงคัมภีร์ทั้งหมดออกมาแล้วตะโกนดังๆว่า “คัมภีร์อยู่ที่ข้าพเจ้าแต่ต่อไปมันไม่อยู่อีกแล้ว”
นำคัมภีร์มาประกบแล้วถ่ายทอดพลังลมปราณความร้อนออกมาร่างกายมีควันพวยพุ่ง
“มันจะทำลายคัมภีร์”
“เจ้าเด็กบัดซบ”
“คัมภีร์มันเป็นของข้า”
เจ้าสำนักนินจาใช้พลังลมปราณสูงสุดกำหมัดงอนิ้วชี้สองข้างยื่นขึ้นพุ่งตรงจากด้านหลังบ่อเมี้ย ชายคลุมหน้าใช้พัดหมุนเป็นเกลียวพุ่งมาที่ด้านหน้า นางพญาเซี่ยงหวี่สองมือเตรียมกระแทกจากด้านบนศีรษะ ร่างกายของบ่อเมี้ยมีไฟลุก ......ตูม......ตูม.......ตูม......เสียงดังกัปนาทปานฟ้าถล่มเหล่าจอมยุทธ์ นินจาทั้งหลายต่างหยุดการต่อสู้ สาว
สาวทั้งหกต่างตะโกนเรียก บ่อเมี้ยเป็นเสียงเดียวกัน...........................................