close buttonclose buttonclose button
จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 28 เพียงเพื่อตนเอง (อ่านเรื่องเสียว)
*

เล่าเรื่องเสียว

  • เรื่องเสียว
  • *****
  • 5772
    • View Profile
จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 28 เพียงเพื่อตนเอง (อ่านเรื่องเสียว)

     “ขมิ้นเจ้ามั่นใจนะว่าบ่อเมี้ยจะตามมาถูก”
“เจ้ท้อถ้าไม่มีลมพัดเครื่องหมายที่ทำไว้หรือพวกนินจานั้นไม่รู้ซักก่อนขมิ้นมั่นใจว่ามาถูกแต่ที่ขมิ้นกลัวคือบ่อเมี้ยต้องรักษาแป๊ะบ้อไม่อาจปลีกเวลามาตามเราได้เจ้โบ เจ้เบญจ เจ้หงส์ จะออกมาตามเอง บ่อเมี้ยไม่มีคนช่วยปรับเปลี่ยนลมปราณ พวกเจ้ก็คงสู้พวกนินจาไม่ได้ พวกเรามีแต่ทางตายสถานเดียว”
“ขมิ้นคงไม่หนักหนาปานนั้นหรอกมั้ง”
“ดอกท้อ ขมิ้นข้าพเจ้าไม่อยากให้บ่อเมี้ยหรือใครมาช่วย เพราะฝีมือมันโหดร้ายมาก ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า เป็นเหตุให้ทำร้ายพวกท่าน ฮือ ฮีอ....”
“อือ เป็นเจ้ม่วยกันแล้วมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ค่อยๆแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันก่อนเถอะเรื่องอื่นช่างมัน”

“เจ้ท้อท่านคลายจุดเหมือนตอนคลายจุดกงซุนเป่ยได้ไหม”
“ว่าไงนะ เจ้ารู้เหรอว่าเป็นใครทำไมไม่บอกแต่แรก”
“โธ่เจ้ลืมเปล่าว่าขมิ้นศิษย์ใครซือแป๋สอนเป็นอย่างแรกคือดูคนเพื่อให้รู้ว่าคนรวยคนจนบางทีคนรวยแกล้งจนคนจนแกล้งรวยไม่ว่าจะเปลี่ยนสภาพแบบไหนเมื่อรู้เป็นใครจะไม่มีวันลืม และที่ขมิ้นไม่ทักมันจะได้ไม่รู้และรีบไป แต่ถ้ามันรู้ว่าพวกเรารู้มันมีแต่จะฆ่าพวกเราปิดปากอ่ะเดะ”
“แล้วมันต้องการอะไรจากพวกเรา”
“โธ่เจ้ต้องให้บอกอีกเหรอว่าเจ้มีอะไรที่มันต้องการน่ะ”
“กงซุนเป่ยใช้พัดเป็นอาวุธ คนคนนี้ถึงแม้ไม่คลี่แต่ก็ใช้พัด พัด สามนินจาที่ตายมีรอยปาดที่คอไม่ใช่รอยกระบี่ หรือ ดาบ ซากุระ มัน มัน มัน........”
ซากุระหน้าถอดสีถ้าเป็นไปตามที่ดอกท้อคิด คนที่ข่มขืนนอกจากสามนินจาที่ตายไปก็คือกงซุนเป่ย เปลือกนอกเป็นผู้ดีมีสกุลพูดจาอ่อนหวาน เปลือกในเป็นจอมมารร้ายทำลายสตรี ดวงตาของซากุระเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดุดัน “ข้าพเจ้าต้องฆ่ามันให้ได้”
“เรื่องนั้นให้ออกจากนี่ก่อนเถอะเจ้ท้อว่าไงคลายจุดได้หรือไม่”
“มันสยบจุดถึงสองจุดอาจคลายได้ต้องใช้เวลาแต่เชือกที่มัดอยู่ทำไง”
“เชือกเป็นหน้าที่ขมิ้นเองเร็วเถอะ”
เสียงประตูลูกกรงเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าสำนักนินจาเดินเข้ามาหิ้วซากุระออกไป
“ท่านจะเอาซากุระไปไหน”
“.................................”
สองสาวได้แต่มองซากุระถูกหิ้วออกจากห้องขังไป.................
“ว่ายังไงหลานอา ไม่พบกันนานนะดูท่าเจ้าจะสบายดีมีเพื่อนใหม่เยอะแยะนี่”
“ข้าพเจ้าไม่มีอาอย่างท่าน อาที่ฆ่าพี่ชายตนเองเพียงเพราะต้องการอำนาจ เพียงเพราะเขาไม่ต้องการให้ท่านทำในทางที่ผิด ท่านเลวยิ่ง”
“ซากุระ ซากุระ เจ้ายังปากเก่งเหมือนเดิมน่ะเจ้าลืมไปแล้วมั้งว่าเจ้าอยู่ในเงื้อมมือของเรา ตอนนี้ขอให้เจ้าบอกกับเรามาซะดีๆปะกาศิตหยกเขียวอยู่ที่ใด”
“ถึงตายข้าพเจ้าก็ไม่บอก ปะกาศิตหยกเขียวเป็นของผู้ที่ชอบธรรมเหมาะสมเป็นเจ้าสำนักฟูซะเท่านั้น”
“ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ แล้วเจ้าไม่รู้เหรอว่าใครเป็นเจ้าสำนักและไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเราอีกแล้ว ส่วนใครที่คิดจะแข่งหรือแข็งข้อกับเราเจ้ารู้ไหมผลมันคืออะไร เอาน่ามันไม่มีประโยชน์อะไรกับเจ้าอีกแล้วส่งมอบปะกาศิตหยกเขียวมาซะดีดี”
“ในเมื่อท่านได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วท่านยังต้องการปะกาศิตหยกเขียวทำไม”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรองหรือย้อนถามใดใดเจ้าไม่ห่วงชีวิตของเจ้าแล้วเพื่อนของเจ้าล่ะเราจะให้เจ้าคิดให้ดีอย่าบีบบังคับให้เราต้องโหดร้ายกับเจ้า เจ้าหลานของอา ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ”
ตอนนี้ซากุระมือสองข้างถูกจับแขวนไว้เท้าสองข้างถูกมัดลอยจากพื้นทั่วร่างกายเต็มไปด้วยเชือกมัดทำให้เน้นถึงปทุมถันดันออกมาแทบทะลุเสื้อ สายตาของซากุระปราศจากความหวาดกลัวแต่เต็มไปด้วยความคั่งแค้น นางคั่งแค้นต่อโชควาสนา คั่งแค้นเทวดาพระเจ้า คั่งแค้นความเป็นไปของมนุษย์ นางคั่งแค้นทั้งโลก
“ว่ายังไงหลานรักเจ้าจะบอกถึงปะกาศิตหยกเขียวได้หรือยัง”
“ไหนๆ ข้าพเจ้าก็ไม่รอดจากน้ำมือท่านแล้วท่านช่วยบอกถึงประโยชน์ของมันให้ข้าพเจ้าได้หายโง่ก่อนตายได้หรือไม่”
“หลานรักเจ้าเป็นคนของนินจาเราไม่ฆ่าเจ้าหรอก แต่เราจะบอกให้เจ้ารับรู้ไว้ สมบัติมหาศาลที่ตกทอดแต่ละรุ่นยังไงล่ะซึ่งในกองสมบัติมีทั้งอาวุธที่มีค่าควรเมืองตำราวรยุทธ์ที่สืบทอดกันมารวมทั้งทรัพย์สินมีค่ามากมายมหาศาลใช้สิบชาติก็ไม่หมด”
“บิดาไม่เคยบอกข้าพเจ้า”
“พ่อเจ้ามันโง่ตั้งมั่นในสมถะ ทั้งๆที่มีโอกาสที่ทำให้สำนักนินจารุ่งเรือง”
“อย่าว่าบิดาข้าพเจ้า”
“ฮะ ฮะ ฮะ เรื่องนั้นช่างมันเถอะเจ้ารู้ทุกอย่างในสิ่งที่เราต้องการแล้วเจ้าจะบอกได้หรือยัง”
“ไม่”
“นังเด็กอวดดี เอาแส้มา.....”
ซากุระสะดุ้งเฮือกร้องโอยทุกครั้งที่แส้หางม้าสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังและทุกครั้งที่มันถาม ซากุระก็บอกว่าไม่ทุกครั้ง นางเองก็โดนแส้หางม้าหวดจนแผ่นหลังแตกยับเยินจนนางสลบมันก็เอาน้ำมาราดให้ฟื้น จนหลังนางไร้ความรู้สึกมันจึงสั่งให้เอาเทียนแท่งใหญ่มา ตอนนี้หลังของซากุระไร้เสื้อผ้าปิดด้วยแรงของแส้ริ้วรอยเลือดไหลอาบชุ่มโชกหน้าหวาดเสียวเป็นยิ่งนัก แต่นางยังกัดฟันต่อสู้ด้วยความเป็นบุตรีแห่งสำนักนินจาผู้ยิ่งใหญ่ที่จะไม่ยอมให้อำนาจใดๆมาข่มขู่นางได้ คราวนี้นางร้องเจ็บปวดอีกครั้งบิดร่างกายเร่าๆเนื่องจากน้ำตาเทียนได้หยกลงบนหลังนาง ความร้อน ความเจ็บแสบในแส้ เป็นความปวดที่จะไม่มีวันลืม
“ทะ....ท่าน....มะ.....ไม่.....ชะ.....ใช่......คะ.....คน......”
“ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ..........................”
“เจ้ท้อมัวทำอะไรอยู่คลายจุดได้หรือยัง” “................................”
“เจ้ท้อมันจับซากุระไปแย่แน่แย่แน่”
“...............................”
“เฮ้อ เป็นบื่อเป็นใบ้คลายจุดชักช้าเจ้ท้อเสร็จรึยัง”
“.................................”
“เจ้ท้อ เจ้ท้อ เจ้ท้อ เจ้ท้อ”
“...............................”
“เจ้ท้อขี้เหร่เสร็จรึยัง ไม่สวย ยังเรื่องมากอีก เฮ้อ”
“ขมิ้นเจ้ได้ยินนะคลายจุดต้องใช้สมาธิซิท่านรบกวนอยู่ได้ มาท่านขยับมาใกล้ๆเราเราจะคลายจุดให้ท่าน”
“แหมเจ้คนสวยอย่าถือสาผู้น้องเลยนะ ฮึบ ขอบคุณเจ้เดี๋ยวเชือกขมิ้นจัดการเอง”
ขมิ้นสามารถแก้เชือกที่มัดอยู่ได้อย่างง่ายดายจึงมาแก้ให้ดอกท้อบ้างหลังจากแก้เชือกเสร็จขมิ้นก็นำลวดในเสื้อมาไขประตูและเดินออกจากห้องขังไปภายในบริเวณห้องขังเป็นถ้ำที่คดเคี้ยวไปมามีทางแยกหลายสายดอกท้อได้แต่อาศัยขมิ้นเป็นผู้นำทางจนกระทั่งไปพบอีกห้องขังหนึ่งซึ่งมีจำนวนกว้างกว่าแต่อัดแน่นไปด้วยเหล่านินจา ขมิ้นทำท่าจะเดินผ่านไปดอกท้อบอกรอเดี๋ยวกับเข้าไปสอบถามว่า
“พวกท่านทำไมถึงถูกขัง”
มีชายชราดูท่าทางเป็นหัวหน้ามองด้วยสายตาระแวงถามกลับมาว่า
“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
“ข้าพเจ้าพร้อมกับซากุระถูกจับมา”
“ว่าไงนะคุณหนูยังไม่ตายเรอะ”
พวกดอกท้อได้แต่งง ชายชราจึงบอกว่าคุณหนูก็คือซากุระ ส่วนพวกนินจาที่ถูกจับจำนวนกว่า ห้าสิบคนเป็นผู้ภักดีต่อเจ้านายเก่าจึงถูกจองจำไว้ ดอกท้อจึงให้ขมิ้นไขกุญแจนำพวกนินจาออกมา
“พวกเราต้องไปช่วยซากุระก่อนนางถูกเจ้าสำนักจับตัวไป”
“ข้าพเจ้ารู้ทางและยินดียอมตายไปช่วยเหลือคุณหนูแต่พวกเราต้องมีอาวุธโปรดตามข้าพเจ้ามา...................”
“เจ้เจ้ม่วยม่วยต้องเป็นสถานที่นี้แน่นอน ป้อมปราการมีนินจาเฝ้ายามอย่างแน่นหนาขนาดนี้พวกเรามาถึงแล้วเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ”
“ตี๋ตี๋ เราจะเข้าไปยังไงกระโดดข้ามป้อมปราการความสามารถเจ้ไม่ถึงแน่และจะทำยังไงไม่ให้พวกมันรู้ตัว”
“เจ้ บ่อเมี้ย เราเข้าไปอย่างเปิดเผยให้มันรู้ว่าพวกเรารังแกไม่ได้”
“พวกเจ้เจ้ม่วยม่วยรออยู่ที่นี่ให้ข้าพเจ้าลอบเข้าไปเองจะสะดวกและปลอดภัยกว่าถ้าสองธูปหมดข้าพเจ้าไม่ออกมาท่านให้รีบกลับไปตามมือพิฆาตมังกรและสหพันธ์ผู้กล้าให้เข้ามาช่วยน่าจะดีกว่า”
“ไม่ได้”
สองสาวพูดขึ้นพร้อมกันเบญจมาศจึงกล่าวอีกว่า
“ท่านจะทำตัวเป็นผู้กล้าเหรอถึงบุกเดี่ยวโดยไม่คิดถึงผู้อื่น มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน พวกเราถึงไม่ใช่ยอดฝีมือแต่จะให้ใครมารังแกง่ายหาใช่พวกเราไม่และให้เรางอมืองอเท้าปล่อยให้ท่านไปเสี่ยงภัยคนเดียว ข้าพเจ้ารู้ท่านเป็นห่วง หรือ ห้ามมิให้พวกเราเป็นห่วงท่านอีกทั้งหลายคนช่วยกันโอกาสช่วย พวกนั้นก็มีมากขึ้น หวังว่าท่านคงไม่ยืนกรานมิฉะนั้นเราขาดกันแน่”
นางพูดยืดยาวสายตาแน่วแน่บ่อเมี้ยจะทำอย่างไรได้ ได้แต่โอบกอดสองสาวอย่างแนบแน่น
“ตกลง ตกลง มาด้วยกันไปด้วยกัน รอดด้วยกัน ตายด้วยกันตกลง ตกลง”
บ่อเมี้ยพูดพร่ำเพ้อข้างหูสองสาวโบตั๋นถึงกับแย้มยิ้มกล่าวเบาๆให้บ่อเมี้ยได้ยินว่าข้าพเจ้าเชื่อว่าพวกเราไม่ตายข้าพเจ้าต้องมีบุตรอ้วนท้วนให้ท่านตามที่รับปากไว้ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญแค่ฟังโบตั๋นความกังวลความกลัวนานานับประการต่างสูญสลายสิ้นจึงแย้มยิ้มพยักหน้ารับคำหันมามองเบญจมาศซึ่งนางเองก็ได้ยินเจ้เจ้เต็มสองหูนางได้แต่หน้าแดงไม่สบตาไม่ตอบคำบ่อเมี้ยจึงฉวยโอกาสหอมแก้มทั้งสองนางพร้อมบอกไปกันเถอะ บ่อเมี้ยจับสองนางไว้ในอ้อมแขนใช้วิชาตัวเบาสูงสุด ถ้าใครเห็นก็จะบอกว่าเงาหรือลมพัดเท่านั้นสืบเนื่ยงจากบ่อเมี้ยนอกจากมีกำลังภายนอกจากการฝึกหนักมากว่าสิบแปดปีพลังลมปราณก็สามารถทะลุทะลวงได้ถึงหกจุดทำให้สามารถประสานกำลังภายนอกภายในกลายเป็นหนึ่งเดียวจึงเป็นเรื่องง่ายๆที่จะแบกสองสาวพร้อมทั้งใช้วิชาตัวเบาผ่านเวรยามกระโดดข้ามกำแพงป้อมปราการโดยปราศจากผู้ใดพบเห็น แต่เมื่อข้ามกำแพงก็ไม่รู้ว่าพวกนางถูกจับไปไว้ที่ไหน เนื่องจากห้องหับมากมายเต็มไปหมด
“เราต้องหาที่มีเวรยามหนาแน่น”
บ่อเมี้ยใช้วิชาตัวเบาสูงสุดวิ่งรอบห้องเหล่านั้นจนมาถึงที่หนึ่งมีลานกว้างมีอาคารโดดเดี่ยวมีเวรยามรักษาการณ์มากมายและแน่นหนาดูแล้วหน้าสงสัยมากที่สุด
“พวกเจ้านับว่ามีความสามารถมากนะ”
“บ่อเมี้ยและพวกนางต่างสะดุ้งตกใจหันขวับมาทันที.................................
ภาพที่บ่อเมี้ยเห็นคือชายชราหลังงองุ้มใส่เสื้อผ้ากลืนไปกับความมืดนั่งยองๆห่างจากพวกบ่อเมี้ยไม่เกินสี่เชี่ยะที่บ่อเมี้ยเองตกใจเพราะเชื่อว่าประสาทสัมผัสของตนเหนือกว่าผู้อื่นสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวรอบ ๆสองลี้อย่างชัดเจนแต่คราวนี้กับไม่สามารถรับรู้การคงอยู่ของชายชราท่านนี้ได้
“ผู้อาวุโส”
“ใช่เราเองพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี้นี่ไม่ใช่สถานเที่ยวเล่นหรอกนะ และขมิ้นมันไปไหนมันมากับเจ้าหรือไม่”
ชายชราผู้นี้คือจอมขโมยแห่งยุคนั้นเอง มาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์นำคัมภีร์มหายุทธ์อีกส่วนนำไปคืนตามที่รับปากไว้ บ่อเมี้ยจึงเล่าเรื่องราวที่ ซากุระ ดอกท้อ และขมิ้น ถูกจับไป และ พวกบ่อเมี้ยเดินทางเพื่อมาช่วยเหลือ จอมขโมยได้นั่งนิ่งฟังอย่างสงบในสมองครุ่นคิดอย่างไรไม่มีใครรู้
“เอาอย่างนี้.....”
จอมขโมยยังพูดไม่จบ ก็มีเสียงหวีดดัง บ่อเมี้ยและพวกต่างคิดว่าถูกเปิดเผยร่องรอยเตรียมออกไปสู้ให้รู้แพ้ต่อไปก็ถูกจอมขโมยคว้าแขนให้เงียบเสียงไว้ กลุ่มนินจาที่รักษายามต่างวิ่งไปที่หน้าประตูของป้อมปราการแสดงให้เห็นว่ามีผู้บุกรุกเป็นจำนวนมาก
“อือ โอกาสมาถึงแล้วพวกเจ้าฟังเราให้ดีเอ้านี่ชิ้นส่วนของคำภีร์ฝากให้เจ้าคืนเจ้าเฒ่าขี้โมโหด้วยอย่าให้ใครแย่งชิงไปถ้าจวนตัวให้ทำลายทิ้งแล้วพวกเจ้าทำดังนี้”
จอมขโมยกล่าวกับพวกบ่อเมี้ยเบาๆ........................................ตอนนี้ทั้งหลังของซากุระเต็มไปด้วยน้ำตาเทียนสีแดงฉาบร่างกายเต็มไปหมดก้นอันอวบอิ่มงามงอนของนางเต็มไปทั้งร่องรอยของแส้หางม้าและน้ำตาเทียนตัวซากุระเองกัดฟันจนกรามแตกละเอียดเลือดไหลออกจากปาก มันยังจับร่างนางหงายกระชากเสื้อผ้าที่เหลืออยู่เผยให้เห็นปทุมถันตั้งเต้ายอดพธูสีแดงรอบฐานมีเชือกมัดไว้อย่างแน่นหนาเอวบางราบเรียบไร้ไขมันมีเศษผ้าเพียงเล็กน้อยปิดสิ่งเร้นลับเพราะมีเชือกคาดไว้ระหว่างขา “หลานรัก เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน แต่ร่างกายอันงดงามของเจ้าจะทนได้ไหม มันเริ่มหยอดน้ำตาเทียนที่ยอดพธูถันนางได้แต่ร้องอ้า บิดตัวหนีแต่ติดที่เชือกมัดไว้ข้อมือและข้อขามีเลือดไหลซึมมันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งน้ำตาเทียนหลั่งหยดตามเนื้อตัวอันขาวโพลนผิวอันบอบบางของนางต่างแดงเพราะความร้อนจากน้ำตาเทียน มันหยดไล่ลงมาจากปทุมถันทั้งสองข้างหน้าท้องอันราบเรียบง่ามขาอันบอบบางและมีบางหยดเข้ากระทบกับกลีบดอกไม้นางได้แต่แอ่นตัวโยกเอวด้วยความเจ็บปวด แต่ในความเจ็บปวดกับมีความรู้สึกบางอย่างแฝงเข้ามา ซึ่งนางไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“เจ้าจะบอกเราได้รึยัง”
“มะ.....ไม่”
“ดี ดี เมื่อเจ้าไม่พูดงั้นถ้าเราทำกับเพื่อนของเจ้าล่ะ ไปนำพวกนางมา”
“ไม่.......ไม่......อย่า.........ม่าย........................................”