เพชรพระอุมา ภาคพิศดาร 4 (เรื่องเสียวๆ)
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านกิ่งใบของต้นไม้ที่สูงตระหง่านขนาดสามคนโอบลงมา สองข้างทางเป็นป่าทึบ เถาวัลย์เกี่ยวพันระโยงระยาง ขบวนคาราวานคณะเดินทางเพื่อติดตามหาผู้สูญหาย อันประกอบด้วยฝ่ายนายจ้างคือธาราและกนิษฐา ฝ่ายพรานนำทางได้แก่วรินทร์และพรานพื้นเมืองคู่ใจอีกสามคน คือ ผา วัยห้าสิบเศษ เคี้ยวหมากจนปากแดงเถือกไปหมด รูปร่างล่ำสันแข็งแรง จิต วัยสามสิบห้า รูปร่างอ้อนแอ้นแต่แข็งเกร็ง มักจะอมฝิ่นไว้ในปาก ท่าทางอารมณ์ดี หัวเราะร่วนตลอดเวลา เส่ง เด็กหนุ่มกระเหรี่ยงวัยยี่สิบห้า ท่าทางบึกบึน เงียบขรึม ไม่พูดไม่จาอะไร และฝ่ายลูกจ้างซึ่งมีนายเลา เป็นหัวหน้าลูกหาบจำนวนสิบห้าคน...
ทั้งหมดออกเดินทางจากบ้านพักของวรินทร์มาตั้งแต่เช้ามืด ตลอดทางที่ผ่านมา วรินทร์เดินนำหน้า สายตามองกวาดทั่วทั้งบริเวณ มือถือไรเฟิลคู่มืออย่างไม่ประมาท โดยมีเกวียนของนายจ้างทั้งสองตามมา มีจิตและเส่งคุ้มกันอยู่ด้านซ้ายและขวาของเกวียน ส่วนเกวียนอีกสองลำสำหรับบรรทุกสัมภาระ ถูกควบคุมโดยลูกหาบตามมาติดๆ โดยผาทำหน้าที่คุ้มกันท้ายขบวน ฝ่ายนายจ้างโดยเฉพาะกนิษฐา นั่งมองสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจเพราะเป็นครั้งแรกของเธอ ที่ได้เดินทางเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ เสียงนกแปลกหู อีกทั้งเสียงร้องของสัตว์ต่างๆที่เธอไม่เคยได้ยิน ดังแว่วมาให้ได้ยินตลอดเวลา
"วรินทร์.." หญิงสาวร้องเรียก ชายหนุ่มหันมามอง เธอพยักหน้าเป็นเชิงเรียก เขาจึงลดความเร็วของฝีเท้าลงจนมาเดินตีคู่กับเกวียนของนายจ้าง
"เราจะใช้อะไรเป็นเครื่องนำทางล่ะ ว่าพี่ไชยาไปทางไหน.." เธอถามพลางมองสองข้างทาง วรินทร์เหลือบมองต้นขาอวบอัดที่อยู่ภายใต้กางเกงเดินป่ารัดรูป โหนกเนื้อกลางลำตัวนูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ในหัวยังจำภาพเปลือยเปล่าที่นอนบิดร่างไปมาอยู่บนเตียงเมื่อคืนนี้ได้อย่างติดตา
"ผมพอจะรู้คร่าวๆครับ ว่าคุณชายไชยาใช้เส้นทางไหนในการออกเดินทาง คุณหญิงอย่าเป็นห่วงไปเลยครับ"
"ว่าแต่ว่าคืนนี้เราจะพักที่ไหนล่ะ.." ธาราถามมาบ้าง หางตาเห็นแวบๆว่าพรานหนุ่มแอบชำเลืองมองเป้ากางเกงน้องสาวของตน พอชำเลืองมองดูบ้างก็ต้องกลืนน้ำลาย เพราะเป้ากางเกงของน้องสาวมันอวบนูนจนแทบไม่ต้องจินตนาการถึงโหนกเนื้อภายในเลย นี่ถ้าไม่ต้องเกรงใจพรานหนุ่มและคนอื่นๆ เขาอยากจะขอให้พักขบวนซักครู่ เพื่อเข้าไปปลดปล่อยอารมณ์ในเนินเนื้อที่อยู่ภายในกางเกงรัดรูปนั้นให้หายอยากซะก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ
"วันนี้เราจะพักในเขตที่เรียกว่าบึงผีสิง ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าชั่วโมงครับ" วรินทร์เงยหน้าจากเนินเนื้ออวบอูมของหญิงสาว หันไปตอบธารา
"บึงผีสิง..." หญิงสาวทวนคำ ทำท่าขนลุก "...ชื่อน่ากลัวจังเลย.."
"ทำไมถึงเรียกบึงผีสิงล่ะ.." ธาราถาม วรินทร์หัวเราะหึๆ เมื่อเห็นนายจ้างสาวทำท่ากลัว
"มันเป็นความเชื่อของชาวบ้านแถวนี้ครับ.." เขาอธิบาย "...ว่ากันว่า วันดีคืนดีจะมีบางอย่างในบึง โผล่ขึ้นมาฉุดลากคนที่นอนอยู่บริเวณนั้นลงไปในน้ำ แล้วไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย.."
หญิงสาวหันไปมองหน้าพี่ชายด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก
"เราหาที่พักที่อื่นไม่ได้เหรอ..." ธาราถามวรินทร์เพราะรู้ว่าน้องสาวไม่อยากนอนพักในที่แบบนั้น วรินทร์ส่ายหน้า
"ไม่ได้หรอกครับ..." เขาตอบง่ายๆ "...ที่นั่นสะดวกที่สุดแล้วเพราะอยู่ใกล้น้ำและที่ผ่านมา เวลาต้องค้างคืน ผมก็นอนกับคนของผมที่นั่นทุกครั้ง ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย.." เขาหัวเราะเบาๆ
"...คุณหญิงอย่ากลัวไปเลยครับ..." พรานหนุ่มปลอบ "...เรามาตั้งหลายคน ผมรับรองว่าคุณหญิงจะปลอดภัยอย่างแน่นอน ขอร้องเพียงแต่ว่าถ้าจะเดินไปไหน ก็ให้พรานของผมเดินไปเป็นเพื่อนด้วยแค่นั้น ว่ากันตามความจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกครับ เพียงแต่บริเวณนั้นมันเงียบสงบ พอตกดึก ชาวบ้านก็สร้างภาพกันขึ้นมาเอง ไม่ใช่เรื่องผีสางอะไรอย่างที่เขาเล่ากันหรอกครับ.."
กนิษฐาจ้องหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ แต่เธอตกลงใจแล้วว่าจะร่วมเดินทางไปด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเพียงเรื่องแค่นี้ก็ทำให้เธอหวาดกลัวเสียแล้ว ในอนาคตยังมีเรื่องที่รอเธออยู่ แล้วเธอจะร่วมเดินทางไปได้อย่างไร...
"ถ้าคุณรับรองอย่างนั้น ฉันจะเชื่อก็แล้วกัน..." เธอพูดเบาๆ ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ หันหลังจะเดินกลับไปนำหน้าขบวนต่อ หางตาเหลือบเข้าไปในสาบเสื้อที่กลัดกระดุมอย่างหมิ่นเหม่ของหญิงสาว มองเห็นเนินอกขาวผ่องชั่วแวบหนึ่ง วรินทร์กลืนน้ำลายก่อนจะตัดใจเดินไปข้างหน้าต่อไป
สองชั่วโมงผ่านไป เส้นทางที่ขบวนเดินผ่านเงียบสนิท ใบไม้และกิ่งไม้บริเวณนั้นนิ่งไม่กระดิก ปราศจากเสียงสัตว์ให้ได้ยินแม้แต่น้อย วรินทร์เหลือบหันไปมองด้านหลัง นายจ้างทั้งสองนั่งหลับตา พิงร่างกันอยู่บนเกวียนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง คนของเขายังเดินสบายๆเพราะแต่ละคนผ่านการเดินป่ามาจนชินแล้ว เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงย่ำเท้าและเสียงล้อเกวียนที่ดังกรอบแกรบขณะที่ผ่านใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมา...
ตะวันตรงศีรษะ ขบวนเกวียนมาหยุดพักกินข้าวในร่มไม้ที่อยู่ติดเชิงเขาลูกเล็กๆ กลุ่มลูกจ้างจัดแจงหยิบห่ออาหารที่เตรียมไว้สำหรับเป็นเสบียงมื้อเที่ยงออกมานั่งล้อมวงกินด้วยกัน
"คุณชายกับคุณหญิงนั่งทานบนเกวียนก็ได้นะครับ ไม่ต้องลงมาหรอก.." วรินทร์เอ่ยปากเมื่อเห็นนายจ้างขยับตัวจะลงมาจากเกวียน ธารากลับขึ้นไปนั่งตามเดิม แต่กนิษฐายังคงกระโดดลงมาจากเกวียน เอื้อมมือไปหยิบไรเฟิลที่วางอยู่บนที่นั่ง หันมาทางเขา
"ฉันยังไม่หิวหรอก..." หญิงสาวหันมาพูดพลางมองไปรอบๆ "...ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว คุณช่วยพาฉันไปหาเป้าลองซ้อมมือดูหน่อยสิ.."
วรินทร์มองตาโต อมยิ้ม เพราะรูปร่างของหญิงสาวไม่บอกว่าจะเป็นนักยิงปืนที่ดีแม้แต่นิดเดียว รูปร่างเพรียวบางภายใต้ชุดเดินป่ารัดแนบเนื้อ มองเห็นทรวงอกพุ่งตระหง่าน ลาดลงมาตามหน้าท้องที่แบนราบ รับกับเนินเนื้อที่อวบอูมด้านล่าง เธอน่าจะเป็นนางแบบมากกว่าจะมาเดินป่าแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากขัดใจ
"ตามใจคุณหญิงสิครับ ถ้าคิดว่ายิงได้.." เขาพูดเสียงยิ้มๆ ธาราหัวเราะตะโกนมาจากบนเกวียน
"ปล่อยเขาเถอะวรินทร์ ให้ไปลองยิงดู เดี๋ยวเมื่อยมือก็เบื่อเองนั่นแหล่ะ"
หญิงสาวหันมาค้อนผู้เป็นพี่ชาย
"เล็กอยากลองดูเท่านั้นเองแหล่ะค่ะ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ถ้าไม่ได้ยิงปืนเลย มันก็เหมือนไม่ได้เข้าป่า..." เธอหันมาทางชายหนุ่ม "...คุณพาไปเถอะ ให้พี่โตทานคนเดียวไปก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยกลับมาทานทีหลังก็ได้" พรานหนุ่มพยักหน้ายิ้มให้ หญิงสาวรีบเดินนำหน้าเขาเข้าไปในพงด้านข้างเพื่อซ้อมยิงปืน
"ไหนล่ะ ยิงตรงไหน.." หญิงสาวหันมาถามหลังจากที่พรานหนุ่มพาเดินมาชั่วเหงื่อซึม วรินทร์ซึ่งเดินตามหลังหญิงสาวและคอยชี้บอกทาง แอบลอบมองบั้นท้ายเนื้อแน่น สะโพกผายที่มองเห็นจากด้านหลัง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของเนินเนื้อด้านหน้าที่อวบอูมจนแทบล้นออกมาจากเป้ากางเกง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าและที่จดจำได้จากเมื่อคืน ทำให้ท่อนเนื้อของเขาแข็งตัวดันเป้ากางเกงขึ้นมาเป็นลำอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ เขาฝืนยิ้มพลางชี้ขึ้นไปบนต้นไม้ที่มองเห็นลิบๆ
หญิงสาวเงยหน้ามอง ก็เห็นนกเงือกเกาะอยู่บนต้นไม้ ห่างออกไปประมาณสามสิบเมตร
"นั่นแหล่ะครับ คุณหญิงยิงตามสบายเลยครับ.." วรินทร์พูดพลางหลบมายืนด้านหลัง เพื่อให้เธอมองเป้าได้อย่างสะดวก
หญิงสาวหันมามองหน้าเขาก่อนจะบรรจงเล็งศูนย์ปืนจนมองเห็นนกเงือกอยู่ในกากบาท กลั้นใจก่อนจะเหนี่ยวไกยิง
เปรี้ยง!!!
"อุ๊ย..." หญิงสาวอุทาน แรงสะท้อนของไรเฟิลในมือทำให้ร่างเซมาปะทะร่างเล็กแต่แข็งเกร็งที่ยืนอยู่ข้างหลัง
วรินทร์เอื้อมมือมาคว้าร่างของหญิงสาวเพื่อไม่ให้สะดุดล้ม แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าสองมือที่โอบยึดร่างเธอไว้ มันตะปบเอาสองเต้าของเธอไว้เต็มกำมือ สัมผัสที่ได้รับมันเต็มไปด้วยความหยุ่น แน่นกระชับมือ แต่เพียงแวบเดียว เขาก็รีบปล่อยมือออก
"อุ๊ย..." หญิงสาวอุทานอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าทรวงอกเต่งตึงถูกสัมผัสโดยมือของผู้ที่อยู่ด้านหลัง และที่สำคัญ บั้นท้ายแน่นกระชับที่กระทบส่วนล่างของเขา จนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งกลางลำตัวเขาที่สะโพกของเธอสัมผัสโดน
"ขอโทษครับ.." วรินทร์รีบเอ่ยปากขอโทษเมื่อเห็นหญิงสาวหันมามอง หน้าแดงกล่ำ ไม่แน่ใจว่าเขาจงใจหรือว่าบังเอิญแตะต้องทรวงอกของเธอกันแน่ แต่ที่เธอแน่ใจอย่างหนึ่งก็คือท่อนเนื้อในกางเกงเดินป่าของเขามันแข็งราวกับหิน และสัมผัสเพียงชั่วแวบบอกให้รู้ว่ามันมีขนาดไม่แตกต่างจากของพี่ชายเธอเลย
หญิงสาวยืนนิ่งอึ้งอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปด้านหน้าและลองซ้อมมือยิงโน่นยิงนี่อีกซักพัก ก่อนจะเดินกลับมาหาเขา
"เรากลับกันดีกว่า.." หญิงสาวพูดเกือบเป็นเสียงกระซิบ ใบหน้าสีชมพูไก๋ไปมองเส้นทางที่ต้องเดินกลับเกวียน
วรินทร์ก็เห็นด้วยเพราะเรือนร่างที่เซมาปะทะร่างของเขาเมื่อครู่ มันเปี่ยมไปด้วยพลังที่ทำให้เขาปั่นป่วนไปหมด หนั่นเนื้อด้านหลังที่แนบกับท่อนล่างของเขามันแน่นกระชับราวติดสปริง ถึงจะเป็นแค่แวบเดียว แต่ก็ทำให้เขาอึดอัดไปทั้งร่าง
วรินทร์นำหญิงสาวกลับมายังเกวียนเพื่อให้เธอทานอาหารร่วมกับพี่ชาย ส่วนตัวของเขาไปนั่งทานรวมกับพรานคู่ใจ ซึ่งตลอดเวลา หญิงสาวไม่ได้หันกลับมามองเขาอีกเลย...
ขบวนคาราวานออกเดินทางต่อหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว วรินทร์ยังคงเดินนำหน้าขบวนเหมือนเคย นายจ้างทั้งสองนั่งอยู่บนเกวียน ธาราเมื่อออกเดินทาง ก็หลับพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้ ส่วนหญิงสาวนั่งมองร่างของพรานหนุ่มที่เดินดุ่มๆอยู่เบื้องหน้า นานๆครั้งจะได้ยินเสียงเขาเรียกพรานคู่ใจเข้าไปหารือถึงเส้นทาง เมื่อกำหนดได้แล้วก็ออกเดินนำหน้าเหมือนเดิม
ภาพของพรานหนุ่มที่เธอเห็น ทำให้นึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อตอนที่ซ้อมยิงปืน หญิงสาวรู้จากประสบการณ์ที่อยู่ร่วมกับพี่ชายว่าเมื่อพี่ของเธอมีอารมณ์ ท่อนเนื้อตรงนั้นของเขาจะแข็งตัวขึ้นมาซึ่งเธอเห็นจนชินตา แต่เมื่อสักครู่นี้ เธอนึกไม่ออกว่าพรานนำทางมีอารมณ์เพราะเหตุใด จะบอกว่าเป็นเพราะเธอ แต่เธอก็จำได้ว่าเธอวางตัวดีมาตลอด และจากคำรับรองของผู้อำนวยการสถานีกักสัตว์ว่าวรินทร์เป็นคนที่ไว้ใจได้ในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจในการเปลี่ยนแปลงของเขาโดยเฉพาะบริเวณเป้ากางเกง...
หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย หรือว่าพรานหนุ่มก็แอบชอบเธอ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว คงทำหน้าที่เป็นพรานนำทางเพียงแค่นั้น แต่...เรื่องอย่างนี้ปิดกันได้ไม่นานหรอก ยิ่งต้องออกเดินทางมาด้วยกันอย่างนี้ ซักวันหนึ่ง เขาก็ต้องแสดงความรู้สึกออกมาให้เธอเห็นเองนั่นแหล่ะ...
แดดสุดท้ายลับสายตาไป ขบวนคาราวานมาหยุดพักบริเวณบึงน้ำแห่งหนึ่ง ล้อมรอบด้วยพรรณกล้วยไม้หลากชนิด ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ไก่ป่าฝูงเล็กๆเดินมาริมบึงและก้มลงจิกกินน้ำอย่างเงียบกริบ เก้งยืนเล็มใบไม้อยู่อย่างสงบ ทัศนียภาพยามนี้ สวยงามกว่าที่พรานนำทางพูดถึงไว้อย่างเทียบไม่ได้ หญิงสาวคิดพลางมองดูความงามรอบๆตัว เธอดูไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุใด ที่แห่งนี้ถึงได้มีชื่อน่ากลัวเช่นนั้น พี่ชายของเธอเดินไปยืนอยู่ริมน้ำ มองดูแสงตะวันที่กำลังลับหายจากท้องฟ้า...
"ที่นี่น่ะเหรอ ที่เรียกว่าบึงผีสิง.." หญิงสาวถามลอยๆ ขณะที่ลูกหาบต่างกางเต้นท์เพื่อให้เป็นที่พักของเธอและพี่ชาย อีกส่วนหนึ่งกำลังก่อกองไฟสำหรับเตรียมหุงหาอาหารและใช้เป็นรั้วสำหรับป้องกันอันตรายยามค่ำคืน
"ครับ ที่นี่แหล่ะ บึงผีสิง.." วรินทร์ตอบขณะที่นั่งถอดลูกเลื่อนและทำความสะอาดปืนคู่มือ
"ดูไม่ออกเลย ว่ามันน่ากลัวตรงไหน ฉันว่าสวยดีออก.." หญิงสาวยังคงสงสัย พรานหนุ่มเหลือบมองเป้ากางเกงที่ห่างจากใบหน้าของเขาเพียงเล็กน้อยเพราะเจ้าของร่างมายืนอยู่ใกล้ๆ เนินเนื้ออวบอูมที่ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย อยากจะบอกว่าไอ้วิวที่เขากำลังดูอยู่เนี่ยก็สวยเหมือนกัน แต่ก็ฝืนใจตอบ
"ผมบอกแล้วไงครับ ว่าอะไรๆมันอยู่ที่เราคิดทั้งนั้น ถ้าคุณหญิงไม่กลัว นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะแสดงว่าคุณหญิงมีจิตใจที่เข้มแข็ง อย่างนี้ผมรับรองว่าไปได้ทุกที่แหล่ะครับ" เขาหลบสายตาลงจากเนินเนื้องดงามนั้นพลางประกอบปืนและบรรจุกระสุนเตรียมพร้อมไว้
หญิงสาวเดินไปนั่งข้างๆพี่ชายที่กำลังนั่งอยู่ริมบึง
"สวยดีนะคะ.." เธอเอ่ยกับพี่ชายเบาๆ สายตามองดูธรรมชาติที่งดงาม
ธาราหันมายิ้มให้ สายตามองลอดเสื้อเดินป่าเข้าไป เหงื่อที่ซึมออกมาทำให้ทรวงอกของเธอพุ่งดันเสื้อออกมาจนมองเห็นเม็ดทับทิมปลายยอดอย่างชัดเจน เนินเนื้อที่อวบอูมใต้กางเกงเดินป่า ทำให้เขาแอบกลืนน้ำลาย อารมณ์ที่พึ่งได้ระบายออกบนเรือนร่างของน้องสาวเมื่อคืนค่อยๆกลับมาอีกครั้ง ท่อนเนื้อที่นอนนิ่งสงบอยู่ในกางเกงเริ่มขยับขยายตัวตามภาพที่เห็น บรรยากาศที่สวยงามตอนนี้ ทำให้เขาอยากปลดปล่อยอารมณ์กับเธออีกซักครั้ง แต่จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่ได้อยู่กับน้องสาวเพียงแค่สองคน...
"เอาไว้ดึกๆเราลองมาเดินเล่นที่นี่กันดีกว่า พี่ว่ามันต้องสวยงามกว่านี้แน่ๆ.." ธาราเอ่ยกระซิบ น้องสาวหันมายิ้มให้ ทำไมจะไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองคิดอะไรอยู่ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อตอนสาย มันทำให้เธอมีอารมณ์ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เธอจำได้ว่าวรินทร์เคยบอกว่าถ้าจะไปไหน ก็ให้มีพรานของเขาไปเป็นเพื่อนด้วยทุกครั้ง
"เราอย่าบอกใครสิ..." พี่ชายพูดยิ้มๆเพราะรู้ใจน้องสาว "...ทำไมพี่จะดูแลน้องตัวเองไม่ได้ หรือเล็กอยากให้มีคนอื่นมานั่งดูอยู่ด้วยล่ะ.."
น้องสาวค้อน หน้าแดง เรื่องอย่างนี้ ใครเขาจะอยากให้คนอื่นเห็น เธอหันกลับไปมองจุดที่ตั้งเต้นท์ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก คิดว่าคงไม่มีอันตรายใดๆในระยะใกล้ๆอย่างนี้หรอก อารมณ์ที่ปั่นป่วนทำให้เธอหันมายิ้มให้กับพี่ชายและพยักหน้านิดๆเป็นเชิงตกลง...
ภายหลังทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายจ้างทั้งสองนั่งคุยกับวรินทร์และพรานพื้นเมืองอีกชั่วครู่ ก่อนจะเข้าไปในเต้นท์เพื่อพักผ่อน วรินทร์จัดเวรยามสำหรับเฝ้าที่พักคืนนี้ ส่วนตัวเขาเอง นอนห่างจากเต้นท์ของนายจ้างออกไปเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ทั่วทั้งที่พัก แต่ลึกๆแล้วเขาต้องการนอนห่างจากเต้นท์ของนายจ้างเพราะกลัวว่าคืนนี้จะได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงครวญครางหรือเสียงโยกบนเตียงสนาม ซึ่งบรรดาเสียงเหล่านั้นมันคงจะทำให้เขาอึดอัดจนนอนไม่หลับเป็นแน่ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าขณะที่นายจ้างสาวถอยหลังมาชนตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนร่างบวกกับหนั่นเนื้อแน่นกระชับที่กระแทกตัวเขา ยังคงคั่งค้างอยู่ในสมอง
เพียงแค่คิด...ท่อนเนื้อที่อุตส่าห์ข่มใจให้สงบก็แข็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มนอนพลิกซ้ายพลิกขวาด้วยความหงุดหงิด ความสุขที่พึ่งได้รับจากชบา สาวลูกบ้านที่ยอมให้เขาใช้ร่างกายของเธอปลดปล่อยความอัดอั้นในตัวออกเมื่อคืน ดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับเขาเสียแล้ว...
วรินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผุดลุกขึ้นนั่ง ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง เขาคงไม่สามารถนอนหลับได้แน่ ตัดสินใจมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ปลดปล่อยอารมณ์ อย่างน้อยก็ทำให้ท่อนเนื้อที่แข็งราวกับหินนั้นสงบลงชั่วคราวก็ยังดี เขาเดินอ้อมผ่านเต้นท์ของนายจ้างเพื่อจะหลบไปด้านหลังของบริเวณที่พัก แต่ก็ต้องชะงักนิ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะภายในเต้นท์ของนายจ้างนั้นเงียบสนิท ปราศจากเสียงหรือแสงไฟใดๆทั้งสิ้น ซึ่งผิดปกติวิสัยของคนทั้งสอง วรินทร์เดินมายืนข้างๆเต้นท์แล้วแนบหูกับผ้าใบเพื่อฟังเสียง แต่ไม่มีเสียงใดๆแม้แต่น้อย เขายืนคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเดินมาหน้าเต้นท์แล้วค่อยๆเปิดและมองภายในเต้นท์จนทั่ว...
ร่างของกนิษฐานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงสนาม ห่มผ้าคลุมตัวด้วยความเย็นของอากาศที่ยะเยือกไปทั่วบริเวณ วรินทร์มองที่เตียงของธาราแล้วต้องขมวดคิ้วย่น เพราะบนเตียงนั้นไม่มีร่างของนายจ้างผู้พี่ ผ้าห่มถูกคลี่ออกบนเตียง นั่นแสดงว่าผู้เป็นเจ้าของล้มตัวลงนอนแล้ว และลุกเดินออกไป...
เขานิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะค่อยๆเดินมาที่เตียงของนายจ้างสาวและเขย่าตัวเรียกเบาๆ
"คุณหญิง...คุณหญิงครับ.." วรินทร์กระซิบเรียก กนิษฐาบิดกายเบาๆก่อนจะลืมตา และรีบลุกขึ้นมานั่งทันทีเมื่อเห็นพรานนำทางมายืนอยู่ข้างเตียง
"มีอะไรเหรอ.." หญิงสาวถามพลางมองไปที่เตียงของพี่ชายแล้วชะงักเพราะไม่เห็นพี่ของเธอนอนอยู่
"คุณหญิงทราบหรือเปล่าครับ ว่าคุณชายหายไปไหน.." คำถามนั้น ทำให้เธอหายจากอาการสะลืมสะลือทันที
"ไม่รู้สิ ฉันเข้ามานั่งคุยกับพี่โตซักพัก แล้ว..." เธอหันไปมองโดยรอบ "...แล้วนี่ฉันหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย จำได้ว่านั่งคุยกับพี่โตอยู่ดีๆ.." น้ำเสียงเธอตกใจ
"คุณหญิงจำได้หรือเปล่าว่าคุยเรื่องอะไรกับคุณชาย.." เขาพยายามทำเสียงให้ปกติ ซึ่งตรงกันข้ามกับใจที่ร้อนดั่งไฟ
"อืมม...ก็คุยกันหลายเรื่องนะ แต่เดี๋ยว..." เธอทำท่านึกขึ้นได้ หันมามองหน้าเขา "...ตอนที่ยืนอยู่ที่ริมบึงเมื่อตอนเย็น พี่โตชวนฉัน บอกว่าให้ออกไปชมวิวที่ริมบึงตอนกลางคืนกัน ฉันนึกว่าเขาพูดเล่น เพราะไม่เห็นเอ่ยปากชวนอีกเลย.."
วรินทร์นิ่งคิด ธาราจะไปที่ไหนได้ในยามค่ำคืนเช่นนี้ วูบหนึ่ง!!! เขาคิดแล้วก็สะดุ้ง หรือธาราจะออกไปที่บึงจริงๆ
ชายหนุ่มใช้หลังมือเช็ดเหงื่อใต้จมูก ธาราไม่น่าจะบ้าระห่ำออกไปเดินเล่นริมบึงกลางดึกอย่างนี้ ทั้งๆที่เขาห้ามแล้วห้ามอีก ทั้งยังบอกแล้วว่าถ้าจะไปไหน ก็ขอให้มีพรานของเขาไปเป็นเพื่อนด้วย แต่ดูเหมือนนายจ้างจะไม่ยอมฟังคำเตือนของเขาเสียแล้ว...
"คุณหญิงรออยู่ที่นี่นะครับ เดี๋ยวผมกลับมา.." วรินทร์ขยับตัว แต่ต้องชะงักเมื่อหญิงสาวเอื้อมมือมาดึงแขนเขาไว้
"ไม่เอา ฉันไปด้วย..." หญิงสาวพูดเด็ดขาด เขาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เวลาทุกวินาทีมีค่า เขาไม่อยากเสียเวลาห้ามปรามเธอ จึงพยักหน้าให้ หญิงสาวรีบขยับตัวหยิบไรเฟิลและไฟฉายลุกขึ้นจากเตียง
ไม่รออะไรทั้งสิ้น...วรินทร์สาวเท้าเดินไปยังริมบึงน้ำพร้อมไรเฟิลในมือที่ปลดเซฟไว้แล้ว สายตามองกวาดทั่วเส้นทางที่ตนเองกำลังเดินก้าวไปอย่างรวดเร็วโดยมีร่างของนายจ้างสาวก้าวตามมาติดๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าธาราจะปลอดภัยจากอันตรายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจนกว่าเขาจะไปถึง...