จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 7 โรคใจ (เรื่องเสียวๆรูป)
“เจ้เจ้ เกิดอะไรขึ้นและนั่นใคร ทำอะไรเจ้เจ้ รีบวางเจ้เจ้ลงเดี๋ยวนี้นะกล้าล่วงเกิน สามสาวดอกไม้เดี๋ยวไม่ได้ตายดี เจ้เจ้เป็นอะไร”
เสียงดอกท้อใส่เป็นชุดเพราะเห็นเบญจมาศถูกอุ้มมาด้วยชายหนุ่มหน้าแดงกำลังเดินเข้ามาในถ้ำซึ่งตอนนี้บ่อเมี้ยได้เปลี่ยนท่าอุ้มเป็นช้อนจากหัวเข่าและไหล่ เดินมาอย่างไม่สะทกสะท้อนแต่อย่างใด ตัวบ่อเมี้ยเองก็ลืมที่จะปิดหน้าไว้ด้วยความเป็นห่วงเบญจมาศจึงรีบเดินกลับถ้ำ
“ดอกท้อนี่เราเอง”
เสียงนี้ดอกท้อจำได้จึงร้องออกไป
“ผู้อาวุ..............”
แล้วนางต้องมองตาค้างผู้อาวุโสใดกันเป็นชายหนุ่มรูปงามที่หน้าเป็นสีแดงเท่านั้นเอง
“เอ้อ... เกิดอะไรขึ้นกับเจ้เจ้”
ด้วยไม่รู้จะเรียกอะไรทำให้ดอกท้องงงันแต่ด้วยความเป็นห่วงพี่สาวสายโลหิตจึงอยากรู้อาการ
“ตกจากน้ำตก”
“คิก คิก คิก เจ้เจ้ตกจากน้ำตกงั้นตอนอาบน้ำนะซีแล้วเจ้เจ้เสื้อผ้าทำไมไม่เปียก”
น้องสาวเย้าผู้เป็นพี่สาวที่ยังหลับตาสนิทแต่แก้มแดงระเรื่อนางหวังให้บ่อเมี้ยตอบอะไรบ้างเงียบบ่อเมี้ยไม่ตอบอะไรยิ่งทำให้เธอกระวนกระวายจนหน้าแดงกว่าเดิม
“เฮ้อ สาวน้ำแข็งถ้าจะไม่รอดซะแล้ว คิก คิก คิก”
บ่อเมี้ยยิ้มมองเบญจมาศและเงยหน้ามองดอกท้อพร้อมพาเบญจมาศไปนอนที่ข้าง ๆของโบตั๋น ถ้าบ่อเมี้ยหันกลับมาจะเห็นดอกท้ออ้าปากค้าง แก้มนางเปล่งปลั่ง ดอกท้อมองจนบ่อเมี้ยเข้าไปที่พักของโบตั๋นจึงถอนใจออกมา “เฮ้อ เราเป็นอะไรเนี่ย”
ดอกท้อถามตนเองซึ่งให้คำตอบตัวเองไม่ได้จึงรีบไปหาผลไม้เพื่อเป็นเสบียง
โบตั๋นเห็นบ่อเมี้ยอุ้มเบญจมาศเข้ามาจึงขยับกายแต่ก็ต้องร้อง อูย (ยังระบมอยู่อ่ะ)แต่ได้ร้องถามว่า
“ตี๋ตี๋ ม่วยม่วยเป็นอะไร”
พอสิ้นเสียงโบตั๋นเบญจมาศลืมตาโพงทุบไปที่หน้าอกของบ่อเมี้ยอย่างเร็วและหลายที
“นี่...นี่...หมอลามก”
เป็นที่แน่ใจเสียงเมื่อคืนหมอลามกนี่มาสร้างความสัมพันธ์เจ้เจ้ตี๋ตี๋บ่อเมี้ยไม่โต้ตอบอะไรได้แต่ยิ้ม (อีกแล้วไม่รู้ตัวเองเลย) และพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน
“เจ้เจ้ม่วยม่วยฟังก่อน”
ได้ผลทั้งสองสาวหยุดมองบ่อเมี้ยตาค้าง โบตั๋นเริ่มเข้าใจอะไรลางๆจากกิริยาแง่งอนของม่วยที่รักนี่ได้และจากที่บ่อเมี้ยอุ้มด้วยความเป็นห่วงจึงยิ้มแต่ต้องมองตาค้างก็เพราะรอยยิ้มของบ่อเมี้ย เบญจมาศก็เช่นกันแต่เจ้าตัวรีบหันหน้าหนี บ่อเมี้ยวางเบญจมาศลงข้างโบตั๋นเบญจมาศ พลิกตัวหันข้างทันที อูย (มันระบมอ่ะ)
“เจ้เจ้เรื่องเป็นเช่นนี้ในตอนที่เจ้ถูกกำหนัดของดีงูพญางูใหญ่ทำให้เราต้องมีสัมพันธ์กันมิฉะนั้นเจ้จะต้องคลุ้มคลั่งอย่างที่ตี๋เคยบอกร่างกายของตี๋มีพลังร้อนเย็นสองสายควบคุมสมดุลอยู่แต่ธาตุพลังของเจ้เจ้เป็นพลังแห่งร้อนทำให้พลังร้อนไม่อาจควบคุมได้ตี๋จึงไปที่น้ำตกอาศัยความเย็นของน้ำโดยอาศัยม่านน้ำตกรักษาอาการอยู่อยู่เกิดธาตุไฟเข้าแทรกต่อมา.....”
หน้าของเบญจมาศแดงกล่ำแต่ทำเป็นหลับตาไม่รู้ไม่ชี้บ่อเมี้ยเล่าพอหยุดตรงนี้ก็เหลือบมองที่เบญจมาศจึงหัวเราะเบา ๆ
“ม่วยม่วยเกิดอุบัติเหตุ ร่างกาย ม่วยม่วยเป็นธาตุเย็นจึงกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตของผู้น้องไป”
เบญจมาศรู้สึกพอใจที่บ่อเมี้ยไม่ได้ฉวยโอกาสกล่าววาจาอันน่าอับอายและรู้ด้วยว่าบ่อเมี้ยเล่าเหตุการณ์ให้เจ้เจ้ฟังก็เพื่อให้นางรู้ถึงเหตุผลเมื่อคืนด้วยแล้วนี่จะทำยังไงทำให้นางกระสับกระส่ายจนเห็นได้ชัดโบตั๋นกับรู้อาการนั้นดีจึงเอื้อมมือกอดน้องสาวบีบมือแนบแน่นแต่ปากถามบ่อเมี้ย
“งั้นความสัมพันธ์เราเพียงแค่ฝันตื่นหนึ่งใช่ไหม”
โบตั๋นกัดกรามกรอดเพราะถ้าเป็นอย่างนี้บ่อเมี้ยมีสัมพันธ์กับใครก็หมายถึงบ่อเมี้ยตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต หมายถึงเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่งเท่านั้นเองเบญจมาศก็หันมามองบ่อเมี้ยเพราะต้องการคำตอบถ้าใช่จะฟันในดาบเดียวเลย
“ไม่เห็นจะยากก็ยุ่งกับเจ้ก่อนค่อยตามด้วยม่วยทีหลัง”
บ่อเมี้ยตอบน่าตาย แล้วพายุเขวี้ยงข้าวของ หมอนไปที่บ่อเบี้ยพร้อมทั้งคำด่าจากปากหญิงสาวที่ด่าอย่างยิ้มแย้มเพราะสมัยนั้นเป็นยุคที่ชายมีมากหลายเมียไม่ใช่ผิดแปลกอะไร สามสาวดอกไม้พยายามต่อต้านความคิดเหล่านี้จึงตั้งกลุ่มโดยไม่สนใจชายใดแต่กลับต้องมาเสียท่าให้หมอ ที่ทั้งโง่ เซ่อ บ้า แต่ก็น่ารัก บ่อเมี้ยเองก็หลบอย่างยิ้มแย้มเขาอยู่ในป่าเขาเจอแต่ซือแป๋ไม่มีโอกาสเจอใครพอออกจากเขาก็ได้เพื่อน คนรักที่น่ารักมาก ทำให้บ่อเมี้ยสามารถหัวเราะยิ้มได้อย่างที่ สิบแปดปีที่ผ่านมาไม่เคยทำมาก่อน สงครามเขวี้ยงของจบแล้ว(เพราะไม่มีของให้เขวี้ยง) “บ่อเมี้ยมานี่ซิ”
เสียงของโบตั๋นหวานไม่เร่งรัดไม่บังคับแต่เป็นสิ่งที่บ่อเมี้ยเหมือนมนต์สะกดเข้ามานั่งใกล้ๆ มือของโบตั๋นลูบไปที่ใบหน้าของบ่อเมี้ย เบญจมาศก็พึ่งรู้ว่าหมอเนี่ยชื่อบ่อเมี้ยแปลว่าเจ้เจ้รู้ประวัติเขาแน่ ๆเลยคนบ้าอะไรชื่อนิรนาม “บ่อเมี้ยเจ้าจะไปจากพวกเราไหม”
“ไป”
ทั้งสองสาวเปลี่ยนสีหน้า
“ถ้าเจ้ม่วยไม่ต้องการข้าพเจ้า..ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม”
แล้วบ่อเมี้ยก็โดนรุมหยิกจากสองสาวอีกครั้ง
“เจ้เจ้ม่วยม่วยปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีกด้วย จุดที่ตีบตันข้าพเจ้าได้คลายไปหนึ่งจุดแล้วเหตุนั้นข้าพเจ้ามีความสัมพันธ์กับผู้ใดก็จะมีเหตุนั้นอีก”
“บ่อเมี้ยมานี่”
เบญจมาศเรียกบ้างแต่บ่อเมี้ยไม่ไป
“ต้องเรียกกอกอก่อน”
โบตั๋นฟังแล้วยิ้มและดีใจที่กับนางบ่อเมี้ยไม่ดื้อทำให้หลงน้องชายคนนี้ขึ้นไปเป็นระดับ (ความรักเป็นเช่นนั้นเองถ้ามีแต่ความสัมพันธ์ทางกายละเลยสัมพันธ์ทางใจก็ยากที่จะประกอบเป็นรักได้)เบญจมาศหน้างอหันหลังไม่พูดด้วยบ่อเมี้ยรู้ว่าเล่นมากไปเดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะพึ่งจะมีสัมพันธ์ที่ดีจึงเข้าไปนั่งใกล้เอานิ้วเขี่ยแก้มคนงามพร้อมพูด
“คนเก่งงอนมากแก่เร็วนะ”
เบญจมาศจั๊กจี้จึงยิ้มพร้อมให้บ่อเมี้ยหันหลังไปพร้อมนำผ้ามาปิดหน้าของบ่อเมี้ยไว้
“อย่าให้ใครเห็นหน้านะถ้าไม่จำเป็น”
บ่อเมี้ยยินยอมให้ปิดเหลือลูกตาโดยดีเพราะคำพูดของเบญจมาศตรงกันกับซือแป๋แต่ดวงตาของบ่อเมี้ยตั้งคำถามมากมายมองที่เจ้โบตั๋นก็พยักหน้า “เฮ้อทำไมทุกคนเข้าใจกันหมดแล้วเราไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย”
“เจ้เจ้ม่วยกลับมาแล้วมีผลไม้เยอะเลย”
เสียงใสๆดังมาแต่ไกลพร้อมเสียงกัดผลไม้
“โอ้โฮเกิดสงครามกันรึไงท่านหมอรังแกเจ้หรือเดี๋ยวม่วยจัดการให้ คิก คิก คิก”
เสียงใสๆทำให้ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส
ฉับพลันบ่อเมี้ยลุกอย่างพรวดพราดไปหาดอกท้อพร้อมกับดุ “ม่วยม่วยไม่ได้”...........................