close buttonclose buttonclose button
จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 2 ออกเดินทาง (เรื่องเสียวๆ)
*

เล่าเรื่องเสียว

  • เรื่องเสียว
  • *****
  • 5772
    • View Profile
จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 2 ออกเดินทาง (เรื่องเสียวๆ)

     บ่อเมี้ยตอนนี้อายุ 18 ปีแล้วได้ออกเดินทางตามคำสั่งซือแป๋ยังจำทุกถ้อยคำที่ชายชรากล่าวอย่างชัดเจน
"บ่อเมี้ยจงจำซือแป๋มีฉายาสรรพวิชาไม่จำเป็นต้องบอกใครมิฉะนั้นตัวเจ้าจะมีแต่เรื่องเดือดร้อนไม่สิ้นสุดความรู้ที่เจ้ามีไม่ได้น้อยกว่าอาจารย์ถึงแม้เจ้าไม่มีวิทยายุทธแต่กระบวนท่าต่าง ๆเจ้าเรียนรู้หมดสิ้นเพียงแต่ถ้าเจ้ามีวาสนาเจ้าจะกลายเป็นจอมยุทธที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน"
บ่อเมี้ยได้แต่ยิ้มในใจคิดว่าแค่วิชาแพทย์ที่ซือแป๋ถ่ายทอดให้น่าจะเพียงพอแล้วแต่ดูเหมือนซือแป๋จะเดาใจบ่อเมี้ยออกยังกล่าวว่า
"อย่าลำพอง นอบน้อมถ่อมตน อย่าเกี่ยวข้องเรื่องไร้สาระ แต่อย่าเพิกเฉยคนเดือดร้อน อย่านำวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาทำร้ายผู้อื่น อีกอย่างอย่าคิดว่าเข้าใจในสตรีไม่มีใครในโลกเข้าใจสตรีได้ดีแม้แต่สตรีด้วยกันจำเอาไว้"
บ่อเมี้ยนึกถึงตอนนี้แล้วหัวเราะ
"เราเรียนรู้ระบบร่างกายทั้งชายและหญิงจนปรุโปร่งแล้วซือแป๋กลับบอกว่าเราไม่มีทางเข้าใจมันน่าหัวร่อจริงๆ" ตอนนี้บ่อเมี้ยเดินทางด้วยชุดหมอพื้นบ้านด้านหลังก็สะพายกล่องสัมภาระใส่ของจำเป็นรวมทั้งยาสาระพัดชนิดที่สามารถผสมกลายเป็นยาชนิดอื่นๆได้ใบหน้าก็คลุมด้วยผ้าป่านสีขาวเพื่อปกปิดใบหน้าที่ค่อนแดงขณะที่กำลัง
เดินข้ามผ่านป่าได้ยินเสียงคล้ายการต่อสู้กันจึงรีบไปดูเผื่อมีใครบาดเจ็บภาพที่เห็นคือสองสาวกำลังต่อสู้กันโดยมีอีกสาวหนึ่งคอยดูอยู่น่าจะเป็นการฝึกวิชามากกว่าในสมัยนั้นถือสาการแอบดูการฝึกวิชากันแต่บ่อเมี้ยอยู่กับซือแป๋มิเคยที่จะปกปิดจึงนั่งดูอย่างเปิดเผยพร้อมทั้งเปรียบเทียบกับที่ซือแป๋ที่สั่งสอนมาเห็นได้ชัดว่าฝีมืออ่อนด้อยแต่หารู้ไม่ว่าซือแป๋คือยอดคนที่หาคนเทียบเทียมได้ยากบ่อเมี้ยนั่งดูจนสองสาวหยุดและหนึ่งในนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับตาเขียวใส่
"รู้ไหมมันเสียมารยาทที่แอบดูเข้าใจไหม"
บ่อเมี้ยเงยหน้ามองสาวที่ทำเสียงตวาดใส่ใบหน้ากลมเกลี้ยงดวงตากลมโตจมูกนิดปากหน่อยทำหน้าตาพยายามจะดุสุดชีวิตแต่กลับเป็นใบหน้าที่สวยซึ้งน่าประทับใจ
"ถ้าแม่นางเสื้อแดงเปลี่ยนจากฟาดเป็นแทงในท่าที่ 2 จะเกิดผลกว่านี้และถ้าแม่นางเสื้อเหลืองเบี่ยงซ้ายแทนจะย่อตัวลงจะสร้างโอกาศในเชิงรุกมากกว่า ขออภัยข้าไม่รู้ว่าเป็นการรบกวนแม่นางถ้าเช่นข้าพเจ้าขอลา"
คำพูดเพียงไม่กี่คำทำให้สามสาวตะลึงงันมิได้ตอบโต้อะไรจนบ่อเมี้ยเดินจนลับตา
"ท่านต้องเป็นอาวุโสแห่งยุทธภพแน่ๆเลย"
สาวเสื้อเหลืองที่ดูเป็นพี่ใหญ่ของสามสาวกล่าวขึ้น
"ไม่ใช่แน่ ๆท่าทางแววตาไม่ใช่คนอาวุโสที่ไหนเลยดวงตาก็หามีแววบอกว่ามีวิทยายุทธยอดเยี่ยมไม่"
สาวเสื้อแดงพูดด้วยเสียงเขียวและยังโมโหไม่หายที่มีใครแปลกหน้ามาวิจารยณ์เพลงกระบี่ของนาง
"เจเจ๊ ไม่ต้องไปสนใจหรอกฝึกต่อเถอะอีกไม่นานก็จะถึงวันประลองแล้ว 3 ดอกไม้พวกเราต้องไม่แพ้ใครให้เหนือกว่าชายใดในแผ่นดิน"
คำตอบเสียงที่น่าฟังจากน้องคนเล็กของ 3 สาวที่ใส่ชุดสีขาวดูสะอาดตา สาวสาวสามดอกไม้คือชื่อฉายา
ของพวกนางนางเป็นศิษย์แม่ชีตันหยง ประกอบไปด้วย โบตั๋น เบญจมาศ ดอกท้อ สามสาวได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือเยี่ยมยุทธลำดับต้น ๆในปัจจุบัน จึงรู้สึกขุ่นใจที่มีคนวิพากษ์ในวิชาฝีมือของพวกนางโดยเฉพาะเบญจมาศไม่มีวันลืมสายตาดำขลับที่จ้องมองนางที่รู้สึกเหมือนมีไฟในดวงตา โบตั๋นอายุ 19 ปีมีรูปทรงอ้อนแอ้นได้สัดส่วนหน้าตามักมีรอยยิ้มเสมอใครมองเป็นต้องเหลียวหลังอยู่เสมอค่อนข้างใจดีแต่เป็นพี่ที่เข้มงวดในการฝึก เบญจมาศ อายุ 18 ปี เป็นน้องคนกลางค่อนข้างเจ้าอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่ายแต่เป็นคนมีน้ำใจรักพี่รักน้อง ดอกท้อ อายุ 17 ปีเป็น
น้องคนเล็กมักเอาแต่ใจเพราะถือว่าเป็นน้องคนเล็กเจ้าแง่แสนงอนขี้อ้อนทำให้เป็นที่รักใคร่ของพี่สาวทั้งสองคน
"ไม่เอาแล้วหมดอารมณ์ไปหาที่พักเถอะฝนทำท่าจะตก"
เสียงเบญจมาศพูดด้วยอารมณ์ที่ยังไม่หายหงุดหงิด
"ดีเหมือนกันไป ม่วย ม่วย ทั้งสองแข่งกันใครถึงก่อนคนนั้นไม่ต้องทำอาหาร"
แล้วเสียงวีดว๊ายด้วยความสนุกที่แข่งกันด้วยอารมณ์ของเด็กทารกโลดแล่นเข้าป่าไป
กรี๊ด.........................................เจ๊ เจ๊!