คาวสวาท กามโลกีย์
ณ ตึกระฟ้า อันเป็นที่ตั้งของบริษัทธุรกิจ หลักทรัพย์แห่งหนึ่ง
เริง ชัยหนุ่มใหญ่วัยใกล้ห้าสิบ ประธานบริษัท นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนได้รับการนับหน้าถือตาจากคนในสังคม กำลังนั่งพิจารณาเอกสารตรงหน้า ขณะที่เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้นพร้อมกับเสียงใสๆ ของ เรณูเลขาหน้าห้องดังขึ้นมา
"ท่านคะ คุณพนมที่นัดไว้มาแล้วค่ะ"
เริงชัยผงกศีรษะ กดปุ่มสัญญาณ แล้วกล่าวตอบ
"ขอบคุณมาก คุณเรณู นำคุณพนมเข้ามาได้เลย"
อีกประเดี๋ยวหนึ่งประตูห้องทำงานของเริงชัยก็ถูกเปิดออก เรณู เลขาสาวของเริงชัยนำชายหนุ่มวัยยี่สิบเศษ เดินเข้ามา
"สวัสดีครับ คุณพนม เชิญๆ ครับ"
เริง ชัยยกมือขึ้นรับไหว้ พนม หนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เดินทางมาพบเขาเพื่อขอเจรจาเรื่องกู้ยืมเงิน
ธุรกิจของพนมนั้นนับ ว่าเจริญรุดหน้าไปได้ด้วยดี ทำให้เขาตัดสินใจลงทุนขยายโครงการไปอีกหลายเฟต มีความต้องการเงินทุนไปใช้จ่ายสูง จึงมีการติดต่อกับเริงชัยเพื่อขอปรึกษาหารือเกี่ยวกับการขอกู้ยืมเงิน
หลัง จากการเจรจาเรื่องธุรกิจผ่านพ้นไปราวชั่วโมง ทั้งสองก็ได้ข้อสรุปอันเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย พนมมีใบหน้าชื่นมื่น สดใส ขณะยื่นมือให้เริงชัยจับ
"ผมต้องขอพระคุณ คุณเริงชัยอย่างสูงที่ให้ความกรุณาแก่บริษัทของผม"
เริงชัยหัวเราะ โบกมือ
"โธ่ ไม่ต้องขอบคุณอะไรกันอย่างนั้นหรอก คุณพนม เรามันก็คนทำธุรกิจ ผลประโยชน์ของคุณก็ผลประโยชน์ของผมเหมือนกัน"
สองหนุ่มต่างวัยก็เลยหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน เริงชัยมองดูเวลา
"อ้อ ตอนนี้ก็เกือบบ่ายสองแล้ว คุณพนม เราไปหาอะไรทานกันหน่อยไหมล่ะ ถือเป็นการเลี้ยงฉลองการทำข้อตกลงระหว่างเรากันเลย"
พนมมีสีหน้าอึดอัด ขณะตอบเสียงอ้อมแอ้ม
"เอ้อ ผมก็อยากไปนะครับ คุณเริงชัย แต่เผอิญนัดภรรยาเอาไว้ว่าจะพาไปทานอาหารที่บางปู"
เริง ชัยหวนนึกไปถึงใบหน้าอันงดงาม บุคลิก การวางตัวที่เพียบพร้อมของปาริฉัตร ภรรยาสาวแสนสวยของพนม แล้วนึกอยากเห็นขึ้นมาเต็มกำลัง เพราะหลังจากที่เขาซึ่งเป็นหนึ่งในแขกกิติมศักดิ์ในงานแต่งงานของพนม กับปาริฉัตรเมื่อต้นปีมานี้แล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นเธออีกเลย
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เราไปฉลองกันที่บางปูก็ได้ คนแก่ๆ อย่างผม คงไม่เป็นก้างขวางคอคุณใช่ไหม"
พนมหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแดงเล็กน้อย ด้วยความเขิน
"ไม่หรอกครับ ถ้าอย่างนั้นขอโทรไปบอกเอ ก่อนนะครับ"
"เอาสิ ตามสบายเลย แต่ถ้าคุณเอ ไม่สะดวกก็บอกผมนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ"
พนม โทรศัพท์ไปหาภรรยาแสนรักของเขา ซึ่งปาริฉัตรผู้ซึ่งเข้าใจดีถึงความสำคัญของเริงชัยที่มีต่อกิจการของสามี ผู้เป็นที่รัก รีบตอบเสียงอ่อนหวาน
"ได้สิคะ พี่หนึ่ง บอกคุณเริงชัยเลยว่า เอ ยินดี จะได้ถือโอกาสขอกราบขอบพระคุณแกด้วย"
ดัง นั้นในเวลาถัดมาไม่นาน รถเบนซ์คันงามของเริงชัย อันมีนายสอนหนุ่มใหญ่วัยไล่เรี่ยกับเริงชัยเพียงแค่อ่อนวัยกว่าไม่กี่ขวบปี เป็นคนขับรถ ก็พาเริงชัยกับพนมมาถึงบริษัทตกแต่งบ้านแห่งหนึ่งที่ ปาริฉัตรเป็นมัณฑนากรตกแต่ง ทำงานอยู่
เริงชัยรับไหว้ ปาริฉัตร หญิงสาววัยยี่สิบสองปี ผู้ที่งามสะพรั่งราวกับกุหลาบแรมแย้ม ความสวยสดงดงามของเธอนับใครๆ ก็ว่าสมกับความสง่ามภูมิฐานของพนมราวกับกิ่งทองใบหยก
ทั้งพนม และปาริฉัตรตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่จุฬา ต่างฝ่ายต่างก็มี หนุ่มและสาวมาให้ความสนใจกันอย่างมากมาย แต่พนมซึ่งเป็นนักฟุตบอล และปาริฉัตรซึ่งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ให้กับมหาวิทยาลัย ทั้งสองได้พบรักกันที่งานฟุตบอลประเพณี และมีใจให้แก่กันนับแต่นั้นมา ท่ามกลางสายตาแห่งความอิจฉาระคนชื่นชมของเพื่อนรอบข้าง
เมื่อเรียบจบ การศึกษา พนมซึ่งเป็นรุ่นพี่เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์จบก่อน และก่อตั้งบริษัทก่อสร้างบ้านประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ส่วนปาริฉัตรเรียนสถาปัตยกรรมจบเมื่อปลายปีที่แล้ว ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะจูงมือกันเข้าประตูวิวาห์อย่างหวานชื่นเมื่อต้นปีนี้ เอง
ตอนนั้น เมื่อรับปาริฉัตรขึ้นรถ พนมจึงขอไปนั่งด้านข้างนายสอนคนขับ ให้เริงชัยนั่งตอนหลังกับปาริฉัตร เพราะปาริฉัตรอยู่ในชุดกระโปรงสั้นที่เลยหัวเข่าขึ้นมาประมาณสามนิ้ว เวลานั่งอยู่ชายกระโปรงจึงร่นขึ้นมาเล็กน้อย เผยให้เห็นช่วงหัวเข่าที่ขาวนวลเนียน ทำให้เริงชัยที่มีโอกาสเห็นต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ตั้งแต่ ภรรยาของเริงชัยตายไป เริงชัยก็เปล่าเปลี่ยวใจมาโดยตลอด ความที่เป็นคนที่หน้าตาทางสังคม ทำให้เริงชัยไม่กล้าไปเที่ยวใช้บริการตามแหล่งหย่อนอารมณ์ ทำให้บ่อยครั้งหนุ่มใหญ่อย่างเขาต้องแอบเลี้ยงดูอุปการะเด็กสาวๆ หลายคนเอาไว้
แต่ความสวยสดงดงามไปทั่วตัวของปาริฉัตรนั้นได้กระตุ้นต่อมตัณหาความอยากของเริงชัยให้ปั่นป่วนขึ้นมาอย่างหนัก
บ่าย วันนั้น ตลอดเวลา เริงชัยจึงต้องพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้อย่างมิดชิด ไม่ให้หลุดออกไปอย่างเด็ดขาด แต่ใบหน้าที่สวยงาม วาจาอ่อนหวานไพเราะ ท่วงที การวางตัว ทุกประการของปาริฉัตรนั้นถูกใจเขาเสียเหลือเกิน ความสวยงามอ่อนหวาน บริสุทธิ์สดใส และท่วงท่าการวางตัวที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของหญิงทำให้ปาริฉัตรใน ความรู้สึกของเริงชัยประหนึ่งแสงจันทร์ที่สุกสกาว ข่มบรรดาเด็กสาวๆ ที่เขาอุปการะประหนึ่งเป็นได้แค่หิ่งห้อยที่ไม่มีวันจะมาเปรียบเทียบอะไรกัน ได้
นับแต่วันนั้น ในห้วงคำนึงของเริงชัยก็มีแต่เงาร่างของปาริฉัตรผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าของหนุ่มใหญ่เริ่มเคร่งเครียดเพราะความกดดัน ถอนหายใจออกมาคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง แต่เริงชัยนั้นเป็นคนเก็บอาการเก่ง จึงไม่ค่อยมีคนภายนอกสังเกตเห็น ยกเว้นนายสอนคนขับรถ ซึ่งอยู่กับเริงชัยมานานหลายสิบปี ตั้งแต่นายสอนยังเป็นเด็ก และเริงชัยยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ มองเห็นความผิดปกติออก
"นายเป็นอะไรหรือครับ หมู่นี้ดูเครียดๆ"
เริงชัยยกมือขึ้นลูบหน้าที่หยาบกร้านของตนเองจากการฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆ มาอย่างโชกโชน
"เออว่ะ ไอ้สอน มีแต่มึงมั้งที่เข้าใจกู"
เริง ชัยเองให้ความสนิทสนมกับนายสอนไม่น้อย เพราะถือเป็นคนเก่าแก่ หลายต่อหลายเรื่องที่เขาเก็บเอามาคิด ไม่เคยบอกใครแม้แต่ภรรยาที่ตายไปแล้ว บางครั้งยังบอกเล่าให้นายสอนฟัง ซึ่งเริงชัยรู้ดีว่านายสอนจงรักภักดีกับเขามากมายขนาดไหน ไม่มีทางไปปูดให้คนที่สามรู้ต่อเป็นอันขาด
"มึงจำวันก่อน ที่กูพาคู่สัญญาสองผัวเมียไปบางปูได้ใช่มั้ยล่ะ ไอ้สอน"
นายสอนหัวเราะ หึหึ
" จำได้สิครับ นาย โดยเฉพาะคุณผู้หญิงคนนั้น สวยเหลือเกิน พูดจาก็ไพเราะ ท่าทางเป็นผู้ดี กับผมก็ยังยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน ไม่ถือตัวเลยครับ"
เริงชัยผงกศีรษะ
"เออ ก็หนูเอนั่นแหล่ะ มึงจะว่าไงวะ ถ้ากูจะบอกว่า กูน่ะหลงรักเธอเข้าให้เต็มเปาแล้ว"
นายสอนยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงติดทะลึ่งๆ นิดๆ
"นายสนแบบ สนอีหนูๆ ที่ให้ผมแอบหาที่หาทางอยู่ให้หลายคนที่ผ่านมา หรือสนใจแบบจริงๆ เอาไว้แทนคุณนายที่เสียไปแล้วล่ะครับ"
"ไอ้เวรสอน ชะๆ มึงนี่ชักเอาใหญ่"
เริงชัยชี้หน้านายสอน แต่น้ำเสียงด่าไม่ได้จริงจังนัก เขาหัวเราะออกมาแล้วกล่าวอย่างครุ่นคิด
"ไม่รู้สิเว้ย กูยังบอกไม่ถูก เท่าที่รู้บอกได้แค่ว่าหนูเอทำให้กูเงี่ยนเหลือเกิน"
นายสอนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก็ว่า
"คุณเอนี่ คงจะไม่ง่ายเหมือนพวกอีเด็กๆ เหล่านั้น"
" เออ กูรู้โว้ย ไม่อย่างนั้นกูจะมานั่งคิดหนักอยู่อย่างนี้เรอะ มึงไม่ต้องมาพูดอย่างนี้ ช่วยกูคิดดีกว่าว่าจะมีหนทางอะไรบ้าง ที่จะทำให้กูได้มีโอกาสเชยชมหนูเอคนสวย"
นายสอนขับรถไป ก็นึกไปสักพักหนึ่ง ก็ว่า
"ท่าทางสองคนนั่นเขารักกันมาก ถ้านายจะมีทาง ก่อนอื่นต้องใช้แผน ยุให้รำตำให้รั่ว ซะก่อนครับ"
เริงชัยมีสีหน้าสนใจขึ้นมา ผงกศีรษะ
"เออ มึงพูดเข้าท่า แผนมึงมีว่าไง"
นายสอนหัวเราะ กล่าวอย่างผู้มีประสบการณ์
" เรื่องที่จะทำให้ผู้หญิงใจร้อน น่ะจะมีอะไรที่มากไปกว่าเรื่องผัวไปมีคนอื่นล่ะนาย ลองเรื่องทำนองนี้ต่อให้เป็นผู้หญิงที่ใจเย็น มีเหตุผลขนาดไหน ก็หน้ามืดกันทั้งนั้น"
เริงชัยผงกศีรษะหงึกๆ อย่างเห็นพ้อง
"อือม์ ใช่กูก็ว่าอย่างนั้น ได้การล่ะมึง กูคิดอะไรออกแล้ว"
เย็นวันนั้นพนมได้รับโทรศัพท์จากเริงชัย
"สวัสดีครับคุณเริงชัย มีอะไรหรือครับ"
เริงชัยหัวเราะมาตามสาย
"ก็ไม่มีอะไรหรอกคุณพนม คืนนี้เราไปหาอาหารเย็นทานกันหน่อยสิ ผมมีอะไรจะคุยด้วย"
พนมพาซื่อนึกว่าเริงชัยต้องการปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจจึงตอบรับปาก
"ได้สิครับ"
เย็นวันนั้นหลังจากรับประทานอาหารเย็น เริงชัยก็ชวนพนมไปหาอะไรดื่มต่อ พนมเกรงใจเริงชัย ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่โทรศัพท์ไปหาภรรยา
"เอจ๊ะ คืนนี้พี่กลับดึกหน่อยนะ คุณเริงชัยเขาขอให้พี่ไปดื่มเป็นเพื่อนน่ะ"
ปาริฉัตรหัวเราะเสียงหวาน
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่หนึ่งอย่าดื่มมากแล้วกันนะคะ ขับรถระวังด้วย"
"จ๊ะ แล้วพี่จะรีบกลับให้เร็วที่สุดนะจ๊ะ คิดถึง เอ จะแย่อยู่แล้ว"
ปาริฉัตรหน้าแดง อุทานเบาๆ
"อุ๊ยตาย เซี้ยวใหญ่แล้ว พี่หนึ่งนี่ พูดออกมาได้ ไม่อายคนอื่นเหรอ"
พนมหัวเราะ ส่งเสียงจุ๊บกับโทรศัพท์มือถือ
"ไม่หรอก พี่ออกมาคุยข้างนอก อย่าลืมนะ เอจ๋า รอพี่อย่างเพิ่งนอน พี่จะกลับไปจุ๊บๆ เอทั้งตัวเลยคืนนี้"
ปาริฉัตรหัวเราะคิก ก่อนจะรีบตัดบทด้วยการวางหูโทรศัพท์ด้วยความอาย
นายสอนขับรถพาเริงชัยกับพนมไปดื่มที่ผับแห่งหนึ่ง ดื่มกันไปพอตึงๆ หน้า เริงชัยก็ชวนพนมไปต่อที่คอนโดสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาของเขา
พนมมองดูเวลาเห็นประมาณสามทุ่ม อยากจะขอตัวกลับเต็มที แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ตกลงใจว่าจะยอมไปกินสองแก้วสองแก้วแล้วจะกลับ
ณ ห้องส่วนตัวในคอนโดของเริงชัย พนมมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่แสดงความตื่นใจในการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู
ทันใดนั้นเอง เด็กสาววัยประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีคนหนึ่งก็ถือถาดเครื่องดื่มออกมาเสิรฟ์ เริงชัยทำเป็นอุทาน
"อ้าว ยายดาว นี่เธอมาอยู่ที่คอนโดนี้ตั้งแต่เมื่อไร"
เด็กสาวหน้าใส ผู้มีเรือนกายอันอวบอิ่ม กางเกงขาสั้นนั้นอวดช่วงขาขาวอวบ ยิ้มตอบเริงชัยเสียงอ่อนหวาน
"ดาวมาอยู่สองสามวันแล้วค่ะ พอดีมันใกล้บ้านเพื่อนที่เขาช่วยติวหนังสือให้"
เริงชัยหันมายังพนม ที่ไม่ค่อยกล้าจ้องเด็กสาวคนนั้นตรงๆ
" นี่คุณพนมเพื่อนของลุงเอง คุณพนม นี่คือดาวหลานสาวผมเอง ผมมีกุญแจสำรองให้แก เผื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศมานอนเล่นที่นี่ ผมเองก็ไม่ได้แวะมาบ่อยนัก"
ดาวยกมือไหว้พนม พร้อมกับโปรยยิ้มให้กับพนมอย่างอ่อนหวาน
"สวัสดีค่ะ พี่พนม"
"สวัสดีครับ น้องดาว"
ดาวหัวเราะคิก เทเหล้าผสมให้กับเริงชัยกับพนมอย่างคล่องแคล่ว
"คุณลุงคงไม่ว่าอะไรนะคะ ถ้าดาวขอนั่งคุยด้วย"
เริงชัยยิ้ม โยกศีรษะเด็กสาว
"ได้ แต่เราน่ะห้ามดื่มรู้ไหม"
ดาว ยิ้มจนเห็นลักยิ้มสองข้าง นัยน์ตาโตนั้นหันมาขยิบยั่วพนม ซึ่งนั่งตัวเกร็งบนโซฟายาว ที่เด็กสาวกระแซะเข้ามาจนตัวเขาเองได้กลิ่นหอมจากเรือนร่างอวบอั๋นนั้น
เริง ชัยดื่มไปติดๆ กันหลายแก้ว จนหน้าตึง พูดจาอ้อแอ้ พนมเองก็ดื่มไปสองสามแก้ว ซึ่งดาวผสมให้ค่อนข้างหนา ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มแดงก่ำ
"เอ้อ มึนจัง ขอผมไปห้องน้ำหน่อยนะคุณพนม"
เริงชัยพูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นเดินเซๆ ออกไป
พนมนั่งใจเต้น เมื่อต้องนั่งอยู่ตามลำพังกับดาว เด็กสาวผู้มีเรือนร่างที่ยั่วตาบาดใจเหลือประมาณ
"พี่พนมเป็นอะไรคะ นั่งเกร็งเชียว กลัวดาวเหรอ"
ดาวส่งเสียงฉอเลาะ ยิ้มยั่วๆ พนมนึกฉุนถูกเด็กรุ่นน้องมาทำยั่วหยาม แต่พยายามระงับใจไว้
"ดาวนั่งดีๆ หน่อย ถ้าคุณเริงชัยกลับมาเห็นมันจะไม่ดีนะ"
ตอนนั้นเขาได้ยินเสียงกรนของเริงชัยดังแว่วมา ดาวกระซิบไปที่ข้างหูของพนม
"ลุงชัยแกหลับไปแล้ว ดื่มอย่างนี้ทีไรหลับไปไม่ต่ำกว่าสองสามชั่วโมง..."
พร้อมๆ กับคำพูด มือของเธอก็สอดไปตรงเป้ากางเกงของชายหนุ่ม ขยำไปตรงแท่งเอ็นของพนมที่เริ่มแข็งตัวก่อนแล้ว จนโป่งออกมา