Lolita mansion ตอนที่่ 9 (เสียวสุดๆ)
ตอนที่ 9 สาวน้อยผู้น่าสงสาร...มิซูกิจัง
“อื๊ยยยย.....รินะจังงงงง..”
น้องซูกุมิส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียว เมื่อน้องรินะซุกไซร้ไปมาตามเนินหีอวบอิ่ม ส่งลิ้นกระดิกไล้เลียติ่งเสียวของน้องซูกุมิที่แข็งตัวสู้การโจมตีอย่างไม่ กลัวเกรง มือทั้งสองของน้องซูกุมิขยุ้มผมของน้องรินะไว้แน่น ใบหน้าอ่อนเยาว์สะบัดไปมาด้วยความเสียว น้องรินะฉกปลายลิ้นแทรกเข้าไปภายในร่องหีน้อยๆ ที่กำลังตอบโต้ด้วยการหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาไม่ขาดระยะจนแทบจะชะโลมใบหน้า น่ารักของน้องรินะทั้งหมด สะโพกของน้องซุกุมิกระเด้งขึ้นลงรับรสสัมผัสจากลิ้นของเด็กหญิงวัย 11 ลำขาเรียวงามเหยียดเกร็ง แล้วสั่นระริกตามการกระตุกร่างของเด็กสาววัย 13
“ระ ริ นะ จังงงง...ซูกุมิไปแล้ววววน้า”
น้องซูกุมิครางลั่น กดศีรษะของน้องระนะอัดแน่นเข้ากับเนินหีครู่หนึ่ง แล้วปล่อยมือทิ้งลงข้างๆ อย่างหมดแรง น้องรินะเงยหน้าขึ้นจากโหนกหีงดงามที่เปียกไปด้วยน้ำรักแล้วดันร่างขึ้นมา ฟุบกับหน้าอกเต่งตึงคู่งามของน้องซุกุมิ ส่งเสียงใสแจ๋วแบบล้อๆ
“หีพี่ซูกุมิสวยจังเลย น้ำเสียวก็ฮ๊อมหอม มิน่าน้าเอกถึงรักพี่ซูกุมิที่สุด”
น้องซุกุมิหน้าแดง ยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มของน้องรินะอย่างมันเขี้ยว หันหน้ามาดูผมที่กำลังกระเด้าร่างเปลือยของน้องโทโมโมเอะข้างๆ แล้วล้อน้องรินะกลับ“รินะจังก็ใช้ลิ้นเก่งที่สุด..น้าเอกคงติวเข้มแน่ๆ เลย”
น้องรินะหัวเราะเสียงใส หน้าแดงจัด พุ่งร่างขึ้นประกบจูบกับน้องซูกุมิ สองสาวน้อยกอดกันแน่นแกจูบอย่างเร้อนสองมือลูบไล้ร่างกายนวลเนียนของอีกฝ่าย ไปมา เสียงครางในลำคอเมียทั้งสองของผมดังประสานกันยิ่งเพิ่มอารมณ์ให้ผมกระเด้า ร่างเปลือยอวบอัดใต้ร่างถี่ยิบ
น้องโทโมเอะกระเด้ารับการเย็ดของผมอย่างลืมตัวร่างเปลือยของเด็กหญิงชื้นไป ด้วยเหงื่อ แม้จะถึงจุดสุดยอดไปหลายครั้ง แต่น้องโทโมเอะก็ยังคงตอบโต้รับการเย็ดที่รุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้ ข้อดีของแคมหีอวบแสดงความพิเศษของมันออกมาอย่างเต็มที่ แม้น้ำหล่อลื่นจะไหลออกมาอย่างชุมโชก แต่สุดยอดแคมหีของน้องโทโมเอะก็ยังรัดรึงลำควยผมที่พุ่งเข้าออกไว้แน่น จนผมต้องใช้แรงกระเด้ามากกว่าปกติ
ปลายยอดหัวนมที่ชูชันแข็งตัวราวกับก้อนหินในปากของผมที่กำลังดูดดันไปมาบน หน้าอกแบนราบของน้องโทโมเอะกลับกระตุ้นอารมณ์ผมให้ตื่นตัว ราวกับผมกำลังเย็ดเด็กชายหน้าหวานน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งแทนที่จะมีควยน้อยของเด็กชายวัย 11 กลับเป็นหีที่ยอดเยี่ยมแทน ผมกระเด้าถี่ยิบส่งให้ร่างน้อยนั้นกระดอนขึ้นลงตามแรง จนน้องโทโมเอะครวญครางออกมา“โอ๊วส์...น้าเอก...แรงอีก ..อีก...อื๋ยย...อ๊าส์ส์....”
โหนกเนื้อหีอวบอัดบดแน่นกับหนอกควยผม ภายในตอดหัวควยผมถี่ยิบเรียกร้องขอน้ำรัก เพิ่มแรงเสียวจนผมต้องปล่อยน้ำรักทะลักเข้าภายในร่างของน้องโทโมเอะอย่างแรง ร่างอวบอัดเกินเด็กวัย 11 กระตุกรับน้ำรักแล้วคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ปล่อยร่างลงนอนหงายกับพื้นอย่างหมดแรง..น้องโทโมเอะครางยาว“โอยยยย.. น้าเอก.. โทโมเอะ ม่ายหวายแล้วนะ”
ผมจูบไซร้ซอกคอหอมกรุ่นที่ชื้นเหงื่อของน้องโทโมเอะ แล้วกระซิบล้อๆ“อ้าว..น้ำศักดิ์สิทธิ์ของน้ายังไม่หมดเลย”
น้องโทโมเอะหน้าแดง ทุบไหล่ผมดังพลั่ก
“นี่แน่ะ..น้าเอกบ้า...ช่วยรินะจังหลอกโทโมเอะ”
ผมหัวเราะ คิดถึงวันที่ผมรับความสาวของน้องโทโมเอะจากพิธีไล่วิญญาณที่ผ่านมา เมื่อน้องรินะบอกความจริงให้น้องโทโมเอะรู้ทำเอาน้องโทโมเอะวิ่งไล่ทุบ เพื่อนรักอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็กลับมาขอให้ผมทำพิธีเพิ่มให้แทบทุกวัน ผมเริ่มขยับแท่งควยในรูหีของน้องโทโมเอะขึ้นลง แต่เจ้าของรูหีรีบส่ายหน้าร้องอุธรณ์
“โทโมเอะไม่ไหวแล้วน้าเอก..ขอพักก่อนนะ”
ผมหัวเราะเบาๆ จูบปากน่ารักทีหนึ่งแล้วถอนควยออกจากร่างของเด็กหญิง ด้านข้างน้องซูกุมิตะแคงร่างกอดก่ายกับน้องรินะ ปากน้องซูกุมิดูดไซร้เต้านมน้อยๆของน้องรินะ ส่งนิ้วเรียวงามชักเข้าออกในร่องหีอย่างต่อเนื่อง น้องรินะส่ายหน้าไปมาครวญครางรับความเสียวจากนิ้วมือ
“อูยยย.. พี่ซูกุมิ..รินะเสียววว..”
สะโพกน้องซูกุมิหันมาทางผมเผยให้เห็นร่องหีฉ่ำเยิ้มทางด้านหลัง แม้จะร่วมรักกับผมมานับครั้งไม่ถ้วน แต่หีที่แสนงดงามของน้องซูกุมิก็ยังกระตุ้นอารมณ์ผมได้ทุกครั้งที่เห็น ผมขยับตัวเข้าประชิดสะโพกกระทัดรัดยกขาเรียวงามของน้องซูกุมิขึ้นแล้วสอดควย เข้าสู่ภายในรูหีอบอุ่นของเมียที่ผมแสนรักจนสุดโคน น้องซูกุมิสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรับรู้การบุกรุกทางด้านหลัง ละปากจากเต้านมของน้องรินะแล้วคราง
“อูย..น้าเอก...ลึกจังเลย”
น้องรินะกระซิบข้างหูน้องซูกุมิ ทั้งที่สะโพกยังคงกระเด้าสะโพกรับนิ้ว
“อิ อิ.. น้าเอกมาช่วยรินะแล้ว”
ผมละมือที่เกาะกุมสะโพกของน้องซูกุมิมาจิ้มที่หน้าผากน้องรินะ แล้วทำเสียงล้อแบบดุดุ
“ไม่ต้องทำเป็นดีใจหรอก รินะจังเป็นคิวต่อไปนะ”
วันนี้เป็นวันที่น้องซูกุมิเข้ามาที่แมนชั่นใหม่เพื่อร่วมพิธีทางศาสนา เปลี่ยนชื่อแมนชั่นจากชื่อเดิมคือ โกลด์ลิฟวิ่ง มาเป็น “ซูมิแมนชั่น” ซึ่งเป็นชื่อที่ผมตัดย่อมาจากชื่อของน้องซูกุมิ เนื่องจากผมตั้งใจที่จะให้น้องซูกุมิบริหารแมนชั่นแห่งนี้ภายหลังเรียนจบ ซึ่งเมื่อพิธีทางศาสนาและการเลี้ยงอาหารผู้เช่าทั้งหมดเสร็จ ผมก็พาน้องซูกุมิมาที่ห้องทำงานซึ่งได้ตกแต่งใหม่ให้ทันสมัยขึ้น โดยได้ทุบกำแพงด้านสระน้ำออกและติดตั้งหน้าต่างกระจกบานใหญ่เท่าผนังแทน ทำให้ห้องดูโล่งกว้างขึ้นอีกมาก
น้องรินะ น้องโทโมเอะ และน้องมิซูกิ รอพบน้องซูกุมิ ที่ห้องทำงานใหม่ น้องมิซูกิดูจะขัดเขินเมื่อพบว่าน้องรินะและน้องโทโมเอะสนิทสนมกับน้องซูกุ มิและยึดถือน้องซูกุมิเป็นพี่สาว ทำให้น้องมิซูกิดูจะเงียบๆไปและแยกตัวไปทำงานคนเดียว ปล่อยให้น้องรินะกับน้องโทโมเอะลากตัวน้องซูกุมิเข้าไปในทาวเฮ้าส์ด้านหลัง โดยมีผมพ่วงไปด้วย ทั้งสามสาวหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม แต่บรรยากาศเปลี่ยนไปเมื่อน้องโทโมเอะเกิดเล่นสนุกกับน้องซูกุมิโดยแกล้งกอด แล้วจูบปากโดยมีน้องรินะเข้าช่วย การสัมผัสแบบเย้าแหย่เลยค่อยๆเปลี่ยนเป็นการกระตุ้นอารมณ์รักขึ้นทีละน้อย จนกลายเป็นการร่วมรักหมู่ไป ซึ่งต้องถือว่าเป็นการฉลองชื่อแมนชั่นใหม่ที่สมบูรณ์แบบทีเดียว ผมกลับออกมาที่ห้องทำงานพร้อมกับทุกคนเวลาใกล้ห้าโมงเย็นโดยลืมนึกถึงน้องมิ ซูกิ แต่ปรากฏว่าน้องมิซูกิยังรอเสนองานผมอยู่และมองผมด้วยสายตาที่ดูจะแปลกใจกับ ท่าทางสนิทสนมที่ผมแสดงออกกับเมียทั้งสาม แต่ก็ยังคงเสนอรายงานให้กับผมตามปกติ
การรับน้องมิซูกิให้ทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของผมช่วงปิดเทอมทำให้ผมแปลกใจกับ ความสามารถของน้องมิซูกิ ผมยอมรับว่าทีแรกผมไม่ได้หวังอะไรจากการทำงานของน้องมิซูกินอกจากจะช่วย เหลือให้เด็กหญิงมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วงปิดเทอม แต่หลังจากน้องมิซูกิทำงานได้เพียงอาทิตย์เดียว ผมก็ได้รับรู้ว่าน้องมิซูกิมีความสามารถในการทำงานในตำแหน่งเลขาไม่ต่างกับ ผู้ใหญ่ ทั้งความสามารถในการดูแลเอกสารและการจัดระเบียบการนัดหมายให้ผมพร้อมสรุป ประเด็นหลักก่อนการนัดหมาย ชนิดที่ผมอ่านแว่บเดียวก็รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวและหัวข้อการพูดคุยอย่างไร การจ้างน้องมิซูกิจึงกลับเป็นการได้เพชรเม็ดงามเข้ามาอยู่ในธุรกิจของผมและ ผมตั้งใจว่าเมื่อเปิดเทอมผมจะยังคงจ้างให้น้องมิซูกิทำงานต่อไป
สิ่งที่ยังรบกวนใจผมอยู่ก็คือไม่ว่าผมจะให้ความสนิมสนมเป็นกันเองกับน้องมิ ซูกิเพียงใด แต่ดูน้องมิซูกิจะไม่ตอบรับความเป็นกันเองนั้นเลย แม้จะยอมเรียกผมว่าน้าและเลิกแทนตัวเองว่าดิฉัน แต่กริยาอาการก็ยังคงเป็นการวางตัวเกินอายุ แม้ว่าน้องรินะกับน้องโทโมเอะจะพยายามชวนคุยหรือเล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง สิ่งที่สะท้อนกลับออกมาก็มีเพียงรอยยิ้มบางๆ และแววตาที่แจ่มใสขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกของความเป็น ผู้ใหญ่ตามปกติ
วันรุ่งขึ้นผมต้องลงไปตรวจงานวางรากฐานก่อสร้างอาคารใหม่ ที่จะขยายห้องพักของซูมิแมนชั่นเพิ่มขึ้น ผมชวนน้องมิซูกิไปกับผมด้วยทั้งที่ไม่จำเป็นแต่ผมถือว่าเป็นการให้ ประสบการณ์ในการทำงานแก่น้องมิซูกิ ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปตามไซท์งานพร้อมฟังคำอธิบายของวิศวกร มือน้อยๆ ของน้องมิซูกิก็กระตุกแขนเสื้อผมเบาๆ“น้าเอก”
ผมก้มลงดูเด็กหญิงที่กำลังจ้องตาผมด้วยสายตาแสดงความกังวล“มีอะไรหรือ มิซูกิจัง”
น้องมิซูกิดึงผมออกมาจากวิศวกร ผมแปลกใจนิดหน่อยเพราะปกติน้องมิซูกิจะไม่เข้ามาสอดแทรกการพูดคุยของผม แต่ก็ยอมตามน้องมิซุกิไป โดยมีวิศวกรเดินตามมา น้องมิซูกิหยุดที่ข้างแนวเขตก่อสร้างแล้วชี้บอกผม
“มิซูกิว่าเส้นนี้ไม่ตรงนะน้าเอก”
ผมมองตามนิ้วของน้องมิซูกิ เส้นตรงวางแนวขนานกับที่ดินข้างเคียงดูปกติ ผมหันไปดูน้องมิซูกิที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่
“น้าว่ามันตรงแล้วนะมิซุกิจัง”น้องมิซูกิสั่นหัว
“มันดูตรงเพราะมีเสาด้านข้างหลอกตาน่ะน้าเอก แต่มิซูกิเชื่อว่าไม่ตรงแน่ น้าเอกบอกให้น้าวิศวกรวัดดูใหม่เถอะ”
ผมมองน้องมิซูกิด้วยความเอ็นดูในความกล้าแสดงออกและยอมผ่อนตามให้ ทั้งที่ผมแน่ใจในสายตาตนเองและการวัดของวิศวกร ผมสั่งให้วิศวกรลองวัดเส้นแนวก่อสร้างอีกครั้งโดยกำหนดกับเส้นแนวที่ดินผล ที่ออกมาทำให้ผมต้องอึ้ง เนื่องจากการตีแนวเดิมพลาดไปจริงๆเกือบครึ่งเมตร ซึ่งถ้ามีการก่อสร้างตามแนวก็จะทำให้ผิดระเบียบการก่อสร้างและกระทบต่อแบบ รวมของโครงสร้าง ผมรีบสั่งให้วิศวกรแก้ไขด่วนและหันกลับมามองน้องมิซูกิด้วยความแปลกใจ น้องมิซูกิดูจะพอใจกับการที่ผมยอมรับความคิดเห็น โดยไม่รู้ตัวว่าข้อสังเกตของน้องมิซูกิทำให้ผมป้องกันความเสียหายที่อาจเกิด ขึ้นจากการถูกฟ้องร้องจากที่ดินข้างเคียงเป็นจำนวนเงินมากมายทีเดียว
เมื่อผมกับน้องมิซูกิกลับมาที่ห้องทำงาน ผมเรียกน้องมิซูกิให้มานั่งที่หน้าโต๊ะผม แล้วเขียนตัวเลขจำนวนหนึ่งลงในกระดาษส่งให้น้องมิซูกิ ที่มองตัวเลขอย่างงงๆ แล้วถาม“เลขอะไรน่ะน้าเอก”
ผมไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับ“มิซูกิจังอยากทำงานกับน้าไหม?”
น้องมิซุกิทำหน้าแปลกใจ“มิซูกิก็ทำงานกับน้าเอกอยู่แล้วนี่”
ผมส่ายหน้า
“นั่นเป็นการทำงานเฉพาะปิดเทอม น้าถามว่าอยากทำงานกับน้าตลอดไปเลยไหม หลังเปิดเทอมแล้วน้าอยากให้มิซูกิจังมาทำงานที่นี่หลังจากเลิกเรียนด้วย มิซูกิจังอยากทำไหมล่ะ”
ใบหน้าเด็กหญิงเปล่งประกายความดีใจออกมา รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าน้องมิซูกิเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มทำงานกับผม น้องมิซูกิพยักหน้าถี่ๆส่งเสียงใสของเด็กหญิงวัย 11 ขวบออกมาอย่างลืมตัว“ทำน้าเอก มิซูกิอยากทำ”
ผมผงกหัว แล้วบอกตัว
“อย่างนั้นน้าตกลงรับมิซูกิจังทำงาน ตัวเลขในกระดาษนั้นคือเงินเดือนที่น้าจะจ่ายให้ทุกเดือน มิซูกิจังพอใจไหม”
น้องมิซูกิเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ ดูตัวเลขในกระดาษ แล้วตอบอย่างตะกุกตะกัก“นะ นะ นี่มัน ... น้าเอกเขียนตัวเลขผิดหรือเปล่า มันเยอะมาก”
ผมส่ายหน้าตอบ
“นั่นเป็นตัวเลขที่เหมาะกับความสามารถของมิซูกิจังแล้ว เดี๋ยวมิซูกิถือลงไปหาคุณติ๋วนะจะได้ทำสัญญาจ้างงานกัน เสร็จแล้วรีบกลับขึ้นมาน้าจะพามิซูกิจังไปทำงานข้างนอก”
น้องมิซูกิลุกขึ้นยืน ตายังจ้องกระดาษใบนั้นอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วเงยหน้ามองผม ริมฝีปากสั่นๆเหมือนจะพูดอะไร เป็นอาการที่แสดงถึงความดีใจและต้องการขอบคุณ ซึ่งถ้าเป็นน้องรินะหรือน้องโทโมเอะคงกระโดดเข้ามากอดขอบคุณแล้วแต่น้องมิซู กิที่ปกติไม่เคยแสดงอารมณ์หรือพูดคุยกับเด็กรุ่นเดียวกันคงไม่รู้ว่าจะขอบ คุณอย่างไร ผมลุกขึ้นเดินไปหาน้องมิซูกิ ดึงร่างที่บอบบางราวกับเด็ก 9 ขวบเข้ามากอดหลวมๆ น้องมิซูกิตัวแข็งทื่อไปขณะหนึ่งแต่แล้วสองมือก็โอบเอวผมแล้วซุกหน้าลงกับอก ผมใช้นิ้วดันคางให้น้องมิซูกิเงยหน้าขึ้นจูบที่หน้าผากเบาๆ แล้วบอกน้องมิซูกิ
“น้าดีใจที่มิซูกิมาทำงานกับน้านะ”
น้องมิซูกิสบตาผมด้วยแววตาแจ่มใส
“มิซูกิขอบคุณน้าเอกที่สุด ที่ให้โอกาสมิซูกิเข้าทำงาน มิซูกิจะทำงานอย่างเต็มที่ตามที่น้าเอกต้องการ”
ผมหัวเราะเบาๆ จิ้มหน้าผากกลมนูนน้อยๆ นั้น“พูดจาเป็นคนแก่เชียว ไปหาคุณติ๋วได้แล้ว”
น้องมิซูกิยิ้มให้แล้ว วิ่งออกจากห้องไป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้องมิซูกิแสดงกริยาแบบเด็กหญิงที่เปิดเผยตัวเอง จากความดีใจจนลืมตัว
เมื่อน้องมิซูกิกลับเข้ามา ผมสั่งการให้เด็กหญิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะออกไปข้างนอก เนื่องจากชุดที่น้องมิซูกิใส่เป็นประจำเป็นชุดที่ไม่เข้ากับร่างกายและวัย ของน้องมิซูกิเลย เสื้อยืดที่ใส่ประจำเป็นเสื้อเก่าๆ ตัวเล็กและกระโปรงที่ใส่ก็เป็นกระโปรงผ้าสุ่มยับๆ ที่ตกสมัยไปนานแล้ว แต่เมื่อน้องมิซูกิกลับเข้ามาพร้อมชุดที่ "ดีที่สุด" ก็ทำเอาผมถอนใจ เพราะชุดที่ดีที่สุดของน้องมิซูกินั้น แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากชุดที่ใส่เป็นปกติเลย
ผมพาน้องมิซูกิไปตรวจที่ดินเปล่าย่านห้วยขวางที่เจ้าของบอกขายผม และให้น้องมิซูกิช่วยจดบันทึกรายละเอียดสำคัญซึ่งน้องมิซูกิก็ทำได้โดยไม่มี ข้อตำหนิใดๆ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของสมองที่จับประเด็นและแยกแยะใจความสำคัญได้ดี หลังจากเสร็จแล้ว แทนที่ผมจะกลับแมนชั่นผมกลับพาน้องมิซูกิมาที่โรงพยาบาลประจำที่ผมมีเพื่อน เป็นเจ้าของอยู่ น้องมิซูกิมองรอบๆ ด้วยความสงสัยขยับแว่นสายตาแล้วถามผม
"น้าเอกมาโรงพยาบาลทำไม ไม่สบายเหรอ"
ผมไม่ตอบแต่ยิ้มๆ แล้วจูงมือน้องมิซูกิเข้าไปหาเพื่อนผม น้องมิซูกิขัดเขินนิดหนึ่งเมื่อผมจับมือพาเดินแต่ก็ไม่ได้ดึงมือออก ปล่อยให้ผมกุมมือน้อยๆ เดินไปราวกับพ่อจูงลูก
ผมขึ้นไปหาเพื่อนผมที่ห้องทำงานโดยให้น้องมิซูกิรออยู่ข้างนอก เมื่อกลับออกมาผมก็พาน้องมิซูกิมาที่แผนกจักษุ แล้วให้น้องมิซูกิไปนั่งที่เก้าอี้ของเครื่องมือขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ทำให้น้องมิซูกิถามผมด้วยความสงสัย"น้าเอกจะให้มิซูกิทำอะไรน่ะ"
ผมอมยิ้มแล้วตอบเด็กหญิงข้างหน้า
"ก็มิซูกิจะทำงานกับน้า ก็ต้องตรวจสายตาก่อนไง ถอดแว่นออกเอาคางไปวางไว้ที่ช่องรับแล้วจ้องเข้าไปนะ.."
น้องมิซูกิพยักหน้าแล้วปฏิบัติตาม ผมหันไปพยักหน้าให้พนักงานคุมเครื่อง ที่ปรับตั้งเครื่องมือวุ่นวายอยู่ แล้วบอกน้องมิซูกิ
"คุณหนูลืมตาจ้องมานิ่งๆ นะครับ"
เครื่องมือทำงาน น้องมิซูกิส่งเสียง อุ๊ย คำหนึ่งโดยไม่พูดอะไร เจ้าหน้าที่สั่งให้ใช้ตาอีกข้างมองมาแล้วปฏิบัติเหมือนเดิม เมื่อเสร็จแล้วก็ปิดสวิทซ์ น้องมืซูกิยืนขึ้นหยิบแว่นตาที่วางไว้ ผมกดมือเด็กหญิงที่กำลังจะเอาแว่นตาขึ้นมาสวม
"มิซูกิจังยังไม่ต้องใส่แว่น มองดูรอบๆก่อน"
น้องมิซูกิทำหน้างง แต่ก้ยอมมองไปรอบๆ ใบหน้าของเด็กหญิงแสดงความแปลกใจ กระพริบตาถี่ๆ แล้วอุทานออกมา
"น้าเอก..ทำไมมันชัดไปหมดเลย"
ผมหัวเราะแล้วชี้ไปทางพนักงานที่คุมเครื่อง
"น้าคนนี้เขาทำเลสิคให้มิซูกิจังเสร็จแล้วนะ..ทิ้งแว่นตาไปได้เลย มิซูกิจังไม่ต้องใส่มันอีกแล้ว"
น้องมิซูกิมองผมตาค้าง..พูดตะกุกตะกัก"ละ ละ เลสิค…มันแพงมากนะน้าเอก..มิซูกิไม่มี.."
ผมเอานิ้วจิ้มปากน้อยนั้นไว้"ไม่ต้องกังวล น้าทำให้เองเลขาน้าจะใส่แว่นตาเชยๆ ไม่ได้หรอก"
ตาสองข้างของน้องมิซูกิปรากฏสีแดงเรื่อๆ น้ำตาเริ่มไหลออกมา แล้วร่างน้อยก็กระโดดเข้ากอดผมแน่น ปากพร่ำขอบคุณละล่ำละละลัก จนผมต้องปรามให้เงียบเสียงแล้วพาน้องมิซุกิออกมาจากโรงพยาบาล ตลอดเวลาน้องมิซูกิมองไปรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจปากถามผมเป็นระยะถึงอาคาร ต่างๆ รอบด้าน ผมแปลกใจเล็กน้อยเมื่อทราบว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่น้องมิซูกิมาอยู่ในไทย น้องมิซูกิไม่เคยออกจากที่พีกไปเที่ยวที่ไหนเลย ผมสั่งให้คนขับรถพาไปจอดที่สยามพารากอนแล้วพาน้องมิซูกิไปเข้าร้านทำผมสั่ง ให้ช่างจัดการกับทรงผมรังนกกระจอกนั้นเสียใหม่ ส่วนผมก็เดินไปเลือกซื้อของที่ร้านใกล้เคียง พอครบเวลาที่ช่างทำผมบอกผมก็กลับไปรับน้องมิซูกิที่ร้าน
"น้าเอก"..
ผมหันไปพบกับเด็กสาวน่ารักในเสื้อผ้าแสนเชยยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผม ไม่เหลือร่องรอยของน้องมิซูกิที่หมกมุ่นกับการเรียนอีกต่อไป เส้นผมที่เคยกระเซอะกระเซิงถูกปรับสภาพให้เรียบซอยเข้ากับใบหน้าปล่อยด้าน หลังให้ยาวแล้วรวบเป็นหางเปียไว้สองด้าน ดวงตาที่ปราศจากแว่นตามาบดบังกลมโตแจ่มใส รอยยิ้มกว้างของน้องมิซูกิเมื่อเห็นผมเผยให้เห็นฟันกระต่ายคู่ใหญ่ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจบนใบหน้าที่เปลี่ยนจากเด็กหญิงเงียบขรึมมาเป็นเด็กสาว ที่ร่าเริงแจ่มใส นี่เป็นใบหน้าที่น่ารักที่ถูกซ่อนจากแว่นตาและทรงผมเชยๆ มาโดยตลอด
ผมยิ้มรับน้องซูกุมิแล้วส่งถุงขนาดใหญ่ให้ใบหนึ่ง "เอ้า…เป็นของขวัญวันชุบตัวของมิซูกิจังนะ"
น้องมิซูกิทำหน้าสงสัยแต่ก็รับถุงไปเปิดดูแล้วอุทานออกมา.."น้าเอก…นี่..นี่ ..มัน.."
ผมรีบตัดบท.. "ไม่ต้องพูด ไปที่ห้องลองเสื้อแล้วเลือกออกมาใส่ชุดหนึ่งเดี๋ยวนี้"
น้องมิซูกิจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็นก่อนรับคำแล้ววิ่งไปที่ห้อง ลองเสื้อพร้อมถุงใบใหญ่ในมือ ระหว่างที่ผมรอน้องมิซูกิทำผม ผมได้ไปที่แผนกเสื้อผ่าวัยรุ่น และเลือกเสื้อผ้าเด็กหญิงมา 10 ชุด และชุดว่ายน้ำ 2 ชุดซึ่งไม่มีปัญหาในการเลือกสำหรับผม เพราะที่ผ่านมาผมเป็นเพื่อนกลุ่มเมียตัวน้อยของผมไปซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ ผมจึงรู้ถึงแนวทางการแต่งตัวของเด็กหญิงในวัยน้องมิซูกิดีพอที่จะเลือกเสื้อ ผ้าให้ได้
น้องมิซูกิกลับออกมาในชุดเสื้อไร้สายสีเหลืองติดระบายด้านหน้า มีแถบเชือกโยงกับลำคอ กางเกงขาสั้นสีขาว ทำให้ร่างเล็กๆนั้นดูสว่าง และเจริญวัยขึ้นดังที่เด็กหญิงอายุ 11 ควรจะเป็น หน้าอกน้อยๆ ที้เพิ่งตั้งเต้าดันตัวออกมาไม่มากนัก ผิวของเนินหน้าอกเป็นสีขาวรูปชุดว่ายน้ำตัดกับผิวส่วนอื่นของร่างกายที่เป็น สีแทน มีรอยสายบราที่หัวไหล่ ผมไม่ได้ซื้อบราให้น้องมิซูกิ ดังนั้นจึงแน่ใจได้ว่าภายใต้เสื้อยืดไร้สายตัวนี้น้องมิซูกิไม่ได้ใส่บราแน่ นอน แต่ก็ไม่โป๊เนื่องจากมีระบายหน้าช่วยบังเอาไว้
ผมมองร่างเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความชื่นชม น้องมิซูกิมีรางกายบอบบาง แต่เป็นความบอบบางที่เกิดจากโครงกระดูกที่เล็กตามกรรมพันธ์ ผิวเนื้อบนร่างกายของสาวน้อยดูนุ่มนวลโดยไม่มีร่องรอยปูดโปนของกระดูกแบบ เด็กที่ผอมทั่วไป หน้าอกแม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็เหมาะสมกับร่างบอบบางนั้น เอวเริ่มคอดจนเกิดเป็นรูปร่างของวัยสาว สะโพกน้อยๆ อัดแน่นเป็นรูปร่างในกางเกงขาสั้นสีขาว ลำขาสีแทนเรียวตรงแต่มีช่องว่างกว้างของขาอ่อนส่วนบน ทำให้ผมสงสัยว่าเป็นช่องว่างที่เกิดจากรรมพันธ์หรือเกิดจากลักษณะพิเศษของหี แบบหนึ่งที่ไม่ค่อยพบบ่อยนัก
น้องมิซูกิมีท่าทางเขินเมื่อเห็นสายตาผมที่จ้องร่างที่แปลงโฉมแล้วแบบไม่กระพริบ ใบหน้าน่ารักมีสีแดงรางๆที่แก้ม พึมพัมเบาๆ
"น้าเอกมองอะไร"
ผมได้สติ หัวเราะออกมาแล้วลูบศีรษะน้อยๆ นั้ยอย่างเอ็นดู
"ไม่มีอะไรหรอก ไม่คิดว่ามิซูกิจังจะน่ารักแบบนี้ สงสัยอีกสัก 3 - 4 ปี คงมีหนุ่มๆ มาตามจีบกันเต็มแมนชั่นแน่"
น้องมิซูกิ เบียดเข้ามาชิดผม คล้องแขนไว้แล้วซบหน้าลงกับท่อนแขนผม
"มิซูกิขอบคุณน้าเอก…มิซูกิจะทำงานตอบแทนน้าเอกให้ดีที่สุด"
เย็นนั้นหลังจากน้องมิซูกิเลิกงานกลับไปห้องพัก ผมมีงานด่วนเข้ามาทำให้ต้องอยู่ต่อเพื่อทำงานแต่ผมไม่ได้ขอให้น้องมิซูกิลง มาช่วยเพราะเป็นเวลาเย็นและผมไม่ต้องการใช้งานเด็กอายุ 11 ให้ทำงานแบบผู้ใหญ่ กว่างานจะเรียบร้อยก็เกือบ 4 ทุ่ม ผมปิดไฟพักสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ใจคิดว่าจะไปหาน้องโทโมเอะที่ห้องดี หรือจะกลับบ้านไปหาน้องซูกุมิ ผมตัดสินใจจะกลับไปหาน้องซุกุมิเมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องเทนกะจะมาค้างที่ห้อง น้องซูกุมิด้วยเพื่อติววิชาภาษาอังกฤษ ร่องหลืบแนวคลื่นของน้องเทนกะเป็นของดีพิเศษที่ผมไม่มีโอกาสชิมบ่อยนักและผม ก็ไม่อยากพลาดเสียด้วย
เมื่อผมลุกขึ้นเพื่อเตรียมกลับ หางตาผมรับรู้ความเคลื่อนไหวที่หน้าต่างด้านสระน้ำ ผมมองออกไปเห็นร่างตะคุ่มของเด็กผู้หญิงเดินไปที่สระน้ำในชุดว่ายน้ำแล้ว นั่งลงข้างสระหย่อนเท้าลงในน้ำซบใบหน้ากับราวจับบันไดสระแล้วนิ่งอยู่ ผมดูเวลาที่ใกล้ 4 ทุ่มด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เพราะสระน้ำปิดบริการไปตั้งแต่หนึ่งทุ่มตรง การลักลอบมาว่ายน้ำในเวลากลางคืนนอกจากเป็นการฝืนระเบียบแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ว่ายด้วย เนื่องจากไม่มีผู้ดูแลความปลอดภัย ผมตัดสินใจเปิดประตูด้านสระน้ำออกแล้วตรงไปหาเด็กหญิงที่ยังคงซบหน้าอยู่กับ ราวจับ เมื่อผมเดินไปใกล้ผมได้ยินเสียงสะอื้นหนักๆ ดังออกมาจากร่างของเด็กหญิงในชุดว่ายน้ำบิกินี่แบบสปอร์ตสีแดง ชุดว่ายน้ำดูคุ้นตาผมเช่นเดียวกับร่างบอบบางที่ซบอยู่กับราวจับของสระ ผมกระแอมหนักๆ ร่างบอบบางนั้นสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมทันที เป็นอย่างที่ผมคาดเดาใบหน้าที่มีน้ำตาเนืองนองกลางแสงไฟสระน้ำสลัวๆ นั้นคือใบหน้าของน้องมิซูกิอย่างแน่นอน น้องมิซูกิอุทานออกมา…
"น้าเอก…"
ผมนั่งลงข้างๆ น้องมิซูกิ ลูบผมสลวยที่เพิ่งผ่านการดัดเมื่อบ่ายนี้ แล้วถามเบาๆ
"มิซูกิจังเป็นอะไรไปหรือเปล่า ร้องไห้ทำไมน่ะ"
น้องมิซูกิปล่อยโฮออกมาอีก ผมดึงร่างบอบบางนั้นเข้ามากอดข้างๆ แต่น้องมิซูกิผวาเข้ากอดผมแน่นร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ผมปล่อยให้น้องมิซูกิร้องไห้ต่อไปโดยไม่ห้าม มือลูบไล้หัวไหล่กลมมนไปมาเป็นการปลอบใจ จนเสียงร้องไห้ค่อยๆ ลดลงแต่ร่างยังคงสั่นจากแรงสะอื้น ผมช้อนคางของน้องมิซูกิให้เงยหน้าขึ้นแล้วถามเบาๆ"มิซูกิจังเป็นอะไร เล่าให้น้าฟังหน่อยนะ"
น้องมิซูกิไม่ตอบ แต่กลับถามผมด้วยเสียงสะอื้น "น้าเอก..ถ้ามิซูกิไม่ได้เรียนต่อ น้าเอกจะยังให้มิซูกิทำงานต่อไปได้ไหม"
ผมอึ้งกับคำถามแปลกๆ แต่ก็ตอบไปตามความจริง
"น้าไม่ได้จ้างมิซูกิจังเพราะการศึกษา แต่น้าพอใจการทำงานของมิซูกิต่างหาก..เรื่องการเรียนไม่มีปัญหาสำหรับน้า หรอก..ว่าแต่ทำไมมิซูกิจังจะไม่ได้เรียนล่ะ"
น้องมิซูกิยังคงไม่ยอมตอบคำถาม แต่กลับถามต่อด้วยคำถามที่ทำเอาผมสะดุ้ง
"น้าเอกให้มิซูกิทำงาน ให้ของมิซูกิมากมาย น้าเอกตั้งใจจะเย็ดมิซูกิหรือเปล่า"
"เฮ้ย…" ผมอุทานออกมา "มิซูกิจังเอาความคิดนี้มาจากไหนน่ะ "
ร่างบอบบางเบื้องหน้ามองตาผมนิ่ง แล้วความลับที่ปกปิดไว้ก็พรั่งพรูออกมาให้ผมรับรู้….
น้องมิซูกิไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณมาซาโอะ แต่เป็นลูกของพี่ชายคุณมาซาโอะที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมื่อน้องมิซูกิอายุ เพียง 3 ขวบ ส่วนคุณแม่ตายไปตั้งแต่คลอดน้องมิซูกิ หลังจากพ่อของน้องมิซูกิตาย น้องมิซูกิก็ต้องมาอยู่กับน้าตามกฎหมาย ทั้งที่คุณมาซาโอะไม่ต้องการ แม้ว่าน้องมิซูกิจะได้รับเงินชดเชยจากบริษัทของคุณพ่อจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่มากนักและไม่พอเพียงสำหรับค่าใช่จ่ายของน้องมิซูกิ ทำให้ครอบครัวคุณมาซาโอะไม่ให้ความสนใจน้องมิซูกิและดุด่าเป็นประจำ แม้น้องมิซูกิจะพยายามตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่จนมีผลการเรียนยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่เคยได้รับการชมเชยจากน้าชาย และย้ำเตือนตลอดมาว่าจะส่งให้เรียนจนจบมัธยมต้นเท่านั้น ทำให้น้องมิซูกิต้องพยายามดิ้นรนมาสมัครทำงานกับผมเพื่อสะสมเงินเป็นค่าเล่า เรียนต่อไปให้สูงขึ้น แต่เมื่อน้องมิซูกิกลับไปที่ห้องพักวันนี้และได้แจ้งน้าชายเรื่องที่ผมจ้าง งาน ทำเลสิค และซื้อของใช้จำเป็นให้ น้าของน้องมิซูกิแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งและไล่ให้ออกไปจากที่พัก โดยบอกว่าเมื่อหาเงินเองได้ก็ไปหาที่พักและเลี้ยงตัวเอง รวมทั้งประกาศจะไม่ส่งให้น้องมิซูกิเรียนต่อ นอกจากนี้ยังเยาะเย้ยน้องมิซูกิว่าที่ผมจ้างงานและให้ของต่างๆ นั้นก็เพื่อต้องการจะเย็ดน้องมิซูกิแล้วไล่ออกทีหลังเมื่อเบื่อแล้วเท่านั้น
ผมนิ่งอึ้งไปกับเรื่องราวของน้องมิซูกิ และเข้าใจในทันทีว่าทำไมน้องมิซูกิถึงกลายเป็นคนที่ต้องการแข่งขันกับ เพื่อนๆ เพื่อหวังให้คุณมาซาโอะพอใจและสร้างให้ตนเองมีโอกาสที่จะได้เรียนต่อ แม้ว่าจะทำให้น้องมิซูกิกลายเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน และไม่มีโอกาสแสวงหาความสนุกสนานที่เด็กวัยเดียวกันควรจะมีก็ตาม
น้องมิซุกิเล่าต่อไป ทั้งที่ร่างกายยังสั่นจากแรงสะอื้นจนผมรู้สึกได้ ผมกอดร่างบอบบางนั้นให้แน่นขึ้น
"คุณน้าเขาไล่ให้มิซากิออกจากบ้าน บอกให้ไปหาที่อยู่เอาเอง และยึดเอาเสื้อผ้าของใช้ของมิซูกิไว้หมด มิซูกิมีแค่เสื้อผ้าที่น้าเอกซื้อให้วันนี้เท่านั้น เงินที่มิซูกิเก็บไว้แล้วพี่มิซูโฮะยืมไป พี่มิซูโฮะก็ไม่คืนให้บอกว่าเป็นค่าเลี้ยงดู มิซูกิไม่รู้จะทำยังไง น้าเอกก็กลับบ้านไปแล้ว มิซูกิเลยมาที่สระว่ายน้ำตั้งใจนะว่ายน้ำให้เหนื่อยจะได้ไม่ต้องคิดอะไร "
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อมิซูโฮะ และนึกขึ้นได้ว่าเป็นชื่อเด็กสาวใจแตกที่ผมเย็ดในคืนที่ผมลงโทษโทโมโกะ ผมเพิ่งรู้ว่าว่ามิซูโฮะเป็นลูกของคุณมาซาโอะ และมีศักดิ์เป็นพี่ของน้องมิซูกิ แต่ตอนนี้ผมไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้น ผมต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับน้องมิซูกิข้างหน้าผมนี่เสียก่อน ผมกอดน้องมิซูกิไว้แน่นแล้วตัดสินใจ
"มิซุกิจังมากับน้า ไปพักกับโทโมเอะก่อน น้ารับรองว่าน้าจะแก้ไขทุกอย่างให้ มิซูกิจะได้เรียนเท่าที่ต้องการ และยังคงทำงานกับน้าต่อไป เชื่อน้านะ"
ผมบอกน้องมิซูกิที่จ้องผมอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ผมลุกขึ้นดึงร่างบอบบางนั้นขึ้นมา น้องมิซูกิพยักหน้ารับ เดินไปที่ข้างสระน้ำซึ่งมีกระเป๋าเก่าๆ ใบเล็กๆวางอยู่ ผมสะท้อนใจที่เห็นว่าทุกอย่างที่น้องมิซูกิมีสามารถบรรจุลงในกระเป๋าเล็กๆ ใบนี้ได้ และเชื่อว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมซื้อให้วันนี้เท่านั้น
ผมพาน้องมิซูกิกลับเข้ามาในห้องทำงานแล้วผ่านไปทาวเฮ้าส์ด้านหลัง ให้น้องมิซูกิพักอยู่ที่ห้องนอนผมก่อน แม้ร่างของน้องมิซูกิจะอยู่ในชุดว่ายน้ำที่เผยให้เห็นร่างกายงดงามสมวัยของ น้องมิซูกิอยู่ตรงหน้า แต่ผมก็ไม่สมารรถให้ความสนใจมากนักเพราะต้องแก้ไขเรื่องน้องมิซูกิก่อน ผมกลับเข้ามาแล้วไปพบคุณมาซาโอะที่ห้องพัก และเสนอเงื่อนไขรับตัวน้องมิซากิเข้ามาเป็นพนักงานและรับอุปการะน้องมิซูกิ กับคุณมาซาโอะ โดยแลกกับการยกเลิกสถานะผู้ปกครองและเงินในบัญชีของน้องมิซูกิที่ได้จากค่า ทดแทนทั้งหมด ผมต้องแปลกใจเมื่อพบว่าการเจรจาง่ายเกินคาด เพราะคุณมาซาโอะเองก็กำลังเตรียมกลับญี่ปุ่นและไม่ต้องการพาน้องมิซูกิกลับ ไปเให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอีกต่อไป ผมนัดหมายให้ทนายของผมมาจัดการเรื่องกกหมายกับคุณมาซาโอะในวันรุ่งขึ้น แล้วกลับมาหาน้องมิซูกิที่ห้องด้วยความโล่งใจ
ผมเข้าไปในห้องนอนพบน้องมิซูกินอนขดตัวอยู่บนที่นอนหลับไป นาฬกาที่หัวเตียงบอกเวลา ตี 1 ผมใช้เวลาคุยกับคุณมาซาโอะเกือบ 3 ชั่วโมง ทำให้น้องมิซูกิที่รออยู่หลับไปทั้งที่อยู่ในชุดว่ายน้ำ ผมพิจารณาร่างเด็กหญิงที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในอุปการะผมด้วยความสงสาร ใบหน้าน่ารักมีคราบน้ำตาเป็นทาง หมอนที่หนุนมีรอยน้ำตาอยู่เปียกชุ่ม ร่างที่ตะแคงตัวทำให้ทรวงอกแรกผลิในชุดว่ายน้ำเบียดกันแน่นจนดูมีขนาดใหญ่ กว่าปกติ เนื้อนวลขาวละเอียดดูน่าสัมผัส ลานท้องราบเรียบขยับขึ้นลงตามการหายใจ สะโพกขนาดกระทัดรัดอวดเส้นแสดงความกลมกลึงของมันในท่าตะแคง ลำขาที่ก่ายกันอยู่แม้จะไม่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเช่นน้องโทโมเอะ แต่ก้เป็นลำขาที่ยางเรียวตรงรับกับสะโพก ผิวเนื้อสีแทนจากการว่ายน้ำทำให้มันดูเป็นลำขาที่สมบูรณ์บนร่างบอบบางของ น้องมิซูกิ ผมพิจารณาร่างน้อยเบื้องหน้าด้วยความชื่นชมในความงามที่ถูกปิดกั้นไว้ในชุด เชยๆมาโดยตลอด แต่เป็นความชื่นชมโดยปราศจากอารมณ์ใคร่
น้องมิซูกิถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพลิกร่างขึ้นนอนหงาย ผมเลื่อนสายตาลงไปตามหน้าท้องผ่านบิกินี่ท่อนล่างเพื่อพบว่ามันแทบจะราบ เรียบไปถึงเนินหีโดยไม่มีเนินนูนขึ้นมาดังเช่นเด็กหญิงวัย 11 เช่นน้องรินะมี ต่ำลงไปเป็นลำขาอ่อนที่มีช่องว่างประมาณ 2 นิ้วไม่เบียดชิดอวบอิ่มเหมือนน้องโทโมเอะ ผมนึกขึ้นได้ถึงข้อสงสัยประการหนึ่งเมื