จอมแพทย์นิรนาม ภาคสอง (ตอนที่ 8 สตรีกับสตรี)
บ่อเมี้ยอุ้มมุกหงส์ขึ้นเขาไปในทางทิศตรงข้ามกับพลอยไพลินด้วยล้ำเลิศในวิชาตัวเบาบวกกับพลัง
กายที่เหนือกว่าคนธรรมดาจึงเปรียบเหมือนเดินอยู่บนทางราบ มุกหงส์เห็นบ่อเมี้ยกระโดดขึ้นลง
ทั้งทางขรุขระ ต้นไม้ ยอดเขา แต่ความรู้สึกเหมือนอุ้มนางเดินเข้าห้องหอประมาณนั้น ลมหายใจไม่
หอบหน้าไม่แดงไม่มีแม้หยดเหงื่อ นางที่กอดคอมองด้วยสายตาชื่นชม ในใจก็คิดฟุ้งซ่านว่าชายที่อยู่
ใกล้ท่าเป็นคู่ของนาง พานางเที่ยวชมป่าเขาลำเนาไพร ขึ้นเขามองดวงดาวนางเองจะมีความสุขแค่
ไหนกัน และนางก็รู้ด้วยสัญชาติญาณของนางว่าชายผู้นี้ก็ชอบนางอยู่เหมือนกันเพียงแต่มีอะไรบาง
อย่างที่ไม่ยอมบอกออกมาคอยเป็นตัวกั้นขวางไม่ให้ชายผู้นี้เปิดเผยความในใจออกมา และนางก็รู้
อีกว่าน้องสาวของนางทั้งสองคนก็ชอบชายผู้นี้เช่นกันแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองได้ผ่านกำแพงการกั้น
ขวางไปแล้วเพราะจากการสังเกตุทั้งพลอยไพลินให้ความสนิทสนมและบ่อเมี้ยก็เปิดใจยอมรับอย่าง
ดี นางได้แต่สงสัยว่าแล้วทำไมนางถึงไม่ได้รับการเปิดใจดั่งเช่นน้องๆบ้าง นางได้แต่คิดและเผลอ
น้อยใจเงียบเพียงลำพังเท่านั้น “มุกหงส์ เป็นอะไรไปเห็นเงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หรือรู้สึกอึดอัดที่
กอกออุ้มมุกอยู่” “ถ้ากอกอเมื่อยก็วางข้าพเจ้าลงข้าพเจ้าพอมีแรงวิ่งตามได้”นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่
หายงอน “55555กอกออุ้มมุกหงส์ได้ตลอดชีวิตแหละ” “งั้น……….กอกอก็อุ้มม่วย…ตลอด….ชีวิตซี….”
นางพูดด้วยน้ำเสียงเบาปานแมลงหวี่แต่แค่นั้นก็พอแล้วบ่อเมี้ยก้มมองหน้าอันงดงามของนางตากลมโต
ดำขลับที่จ้องมองอยู่พร้อมยิ้มไปให้นาง แค่นั้นนางก็แทบทนทานไม่ได้หน้าแดงหันหน้าเข้าซุกที่
อกของบ่อเมี้ย ถ้าเป็นในยามปกติมุกหงส์คงต้องโดนบ่อเมี้ยจูบแน่แต่ก็คงต้องอดไว้เนื่องจากมหันตภัย
จากศัตรูยังติดตามมาอย่างไม่ลดละยังไม่ถึงสถานที่ปลอดภัยและอาจเป็นอันตรายต่อพลอยและไพลิน
ได้ง่ายเช่นกัน บ่อเมี้ยตอนนี้ได้กลิ่นควันล่องลอยมาทางซ้ายและขวาด้านหลังได้ยินเสียงวิชาตัวเบา
ขั้นสูงไล่หลังมา รู้สึกว่าศัตรูมียอดฝีมือเหมือนกันในขณะเดียวกันต้องเป็นระดับมันสมองแน่ เพราะ
การบีบให้หนีในทิศทางเดียวคาดว่าต้องมียอดฝีมือหรือกับดักรออยู่ด้านหน้าเป็นแน่หมายความถ้า
ไม่ต้องการให้ตกตายสถานเดียวก็หมายถึงสตรีที่อยู่ในมือนี้มีคุณค่ามหาศาลสำหรับพวกมันแน่
“ม่วยม่วยท่านเก็บความลับอะไรกันแน่จึงมีคนตามล่าท่านโดยใช้ยอดฝีมือทั่วแผ่นดินเช่นนี้”
“………………………….” “กอกอหาใช่อยากรู้มากมายเพียงแต่แปลกใจต่อความสำคัญที่พวก
มันต้องการท่านจับเป็นหรือให้ตายแต่ไม่ให้ท่านไปถึงท่านลำบากใจก็ไม่ต้องเล่าก็ได้” “กอกอ เอา
เถอะเมื่อถึงขั้นนี้ข้าพเจ้าเล่าให้ท่านฟัง เมื่อท่านฟังท่านจะช่วยหรือผละไปก็สุดแล้วแต่ สิ่งที่อยู่ในมือ
ของข้าพเจ้าคือ ใบฎีกาถึงฮ่องเต้ พ่อของข้าพเจ้าเป็นข้าราชการเมืองเซียงได้เห็นถึงการซุ่มกำลังของ
พระญาติฮ่องเต้ อ๋อง หก พ่อของข้าพเจ้าหาได้เห็นด้วยต่อการก่อกบฎแต่ร้อยยี่สิบชีวิตถูกกุมตัวอยู่
ได้แต่ยอมทำตามพระประสงค์แต่ทางหนึ่งก็ได้ส่งข้าพเจ้าและน้องๆพร้อมคนสนิทรีบเร่งเดินทาง
เข้าเฝ้า ทางอ๋องหกเหมือนจะรู้ล่วงหน้ามีการดักลอบทำร้ายข้าพเจ้าตลอดมาดีที่สวรรค์ยังเมตตาที่
รอดมาได้ตลอด แต่จากห้าสิบกว่าชีวิตก็เหลือเพียงข้าพเจ้าและน้องเท่านั้น”นางพูดพร้อมสีหน้าที่รัดทด
หดหู่แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง บ่อเมี้ยหยุดลง ยืนนิ่งอุ้มมุกหงส์มองหน้านาง มุกหงส์ก็เหมือนจะรู้ว่า
ถ้าเล่าให้ฟังชายท่านนี้ต้องผละไปแน่ไม่มีชาวยุทธ์คนใคชอบยุ่งเกี่ยวกับทางบ้านเมืองเท่าใดนักยิ่ง
เป็นระดับท่านอ๋องด้วยแล้ว นางได้แต่ทำหน้าคล้ายเสียใจที่เล่าให้ฟังคลายมือจากการกอดคอ
พยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนเพื่อให้บ่อเมี้ยวางนางลง บ่อเมี้ยกับกำชับวงแขนแน่นขึ้นยกตัว
นางให้หน้านางเข้ามาใกล้บ่อเมี้ยก็ฉวยโอกาสที่นางยังตะลึงจูบไปที่ปากนางอย่างแผ่วเบาและเพิ่ม
น้ำหนักการกดริมฝีปากนั้น นางตกใจลืมตาโต แต่สุดท้ายก็หลับตาร้องอืม มือกอดคอแนบแน่นมาก
ขึ้นหยดน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมา แค่นี้ก็พอแล้ว ไร้คำพูดเหนือกว่าคำพูด ซักพักเมื่อบ่อเมี้ย
ถอนปากออกมายังกระซิบเบาเดี๋ยวกอกอจะทำโทษม่วยใหม่ตอนนี้ต้องต้อนรับแขกก่อน นางก็ลืม
ตาด้วยเสียดายและก็อายที่บ่อเมี้ยพูดอย่างนั้นแต่พอหันไปรอบข้างพบชายชุดดำไม่ทราบว่ามาเมื่อไร
ซึ่งบัดนี้มาล้อมรอบนางเต็มไปหมด บ่อเมี้ยได้แต่วางนางลงเกร็งกำลังทั้งพลังวัตรและพลังกายใน
ร่างกายเต็มเปลี่ยนพร้อมรับศึกแต่ภายนอกดูสำอางเป็นหมอหนุ่มไร้เรี่ยวแรงมีเพียงประกายตาที่แวว
วับจนใครมองก็ครั้นคร้าม บุรุษชุดดำถือดาบหัวตัด ล้อมรอบไม่พูดไม่จาเหมือนรอคอยให้ผู้ที่เป็น
หัวหน้าเท่านั้นที่เป็นผู้กล่าววาจา ซักพักหนึ่งก็มีชายสวมชุดแพรสีน้ำเงินใบหน้าปิดด้วยผ้าแพรเข้า
กับเสื้อผ้าตามมาด้วยดูเหมือนจะเป็นองค์รักษ์ซ้ายขวา ด้านหลังมีสตรีชุดดำมีผ้าปิดหน้าและศีรษะ
แต่ดวงตานางช่างคล้าย ….ซากุระ….. เพียงแต่ประกายตาซากุระที่บ่อเมี้ยเห็นเต็มไปด้วยความหวัง
ความสุข แต่ประกายตาของนางในที่นี้กับเป็น แค้น ทำให้บ่อเมี้ยไม่แน่ใจว่าใช่ซากุระหรือไม่ แต่รูป
ร่างของนางช่างคล้ายเหลือเกิน…….. “ท่านจอมยุทธ์ท่านสนใจรับราชการหรือไม่ จากฝีมือท่าน
ความฉลาดเจ้าเล่ห์ของท่าน รับรองท่านต้องได้ดีอาจเป็นถึงคนสนิทของท่านอ๋อง”ชายคลุมหน้าวัย
กลางคนมาถึงก็พูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องไม่มองไม่ถามถึงมุกหงส์และน้องๆเลย คงคิดเพียงสามารถ
สยบบ่อเมี้ยได้ก็ไม่ต้องกังวลว่ามุกหงส์จะรอดมือ “ขอบคุณที่ท่านเมตตาชี้แนะแต่ข้าพเจ้าเป็นหมอ
พอหาเลี้ยงชีพไม่มีความทะเยอทะยานและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ”บ่อเมี้ยประสานมือตอบท่า
ทางสุภาพจนอาจมีคนคิดว่าเป็นชายหนุ่มเจ้าสำอางไร้วรยุทธ์ แต่น่าเสียดายที่คนรายล้อมไม่ได้คิด
เช่นนั้น “อือ ท่านเป็นหมอ น่ากลัวเป็นหมอเทวดาที่คนร่ำลือแถบฝั่งแม่น้ำกระมัง นับถือ นับถือ นับ
ถือมานาน”ชายคลุมหน้าวัยกลางคนประสานมือกล่าวทักทายบ่อเมี้ยได้แต่ประสานมือปากบอกมิ
กล้า ทั้งคู่สนทนาดั่งคนรู้จักกันมานานหาได้มีวี่แววมรสุมที่จะเกิดขึ้นใดใดแต่ทุกคนรู้ดีมันใกล้เข้า
ไปทุกทีแล้ว “เมื่อกี้ท่านหมอบอกไม่ยุ่งเกียวกับการเมืองใดๆทั้งสิ้นนับเป็นปณิธานน่านับถือ
ข้าพเจ้าก็ไม่ขัดขวางท่าน แต่ตอนนี้ท่านกำลังสอดมือยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งอยู่ อย่างนี้ไม่เรียกว่าคำพูด
ของท่านกับการกระทำไม่ขัดกันหรอกหรือ” “ถ้ามองจากมุมมองของท่านนับว่าข้าพเจ้าขาดเหตุ
ผลอยู่บ้างแต่ถ้ามองในมุมมองของข้าพเจ้าล่ะสิ่งที่ข้าพเจ้ายุ่งเกี่ยวหาใช่ธุระกิจการบ้านเมืองของท่านไม่
ข้าพเจ้าเพียงปกป้องคนที่ข้าพเจ้ารักเท่านั้น” คนที่สะท้านมีสองคนคนแรกไม่ต้องเดามุกหงส์แม้จะ
เป็นเพียงคำพูดเพื่อปกป้องนางแต่ก็ทำให้ดวงจิตนางที่ไม่เคยมองใครสั่นไหวเต้นอย่างรุนแรงอย่าง
น้อยเขาก็บอกรักแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งก็สะท้านสั่นไหวเพียงครู่เดียวแต่ดวงตากลับทอประกาย
แค้นอย่างรุนแรง หาใช่ใครไม่ก็สตรีคลุมหน้าที่อยู่ด้านหลังนั้นเอง ขณะที่พูดคุยกันพระเพลิงที่ถูก
จุดจากเชิงเขาทั้งสองด้านก็ลามขึ้นมาจนสามารถมองเห็นควันไฟคาดว่าอีกไม่เกินชั่วยามคงลามมา
ถึงสถานที่ที่เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายยืนอยู่เป็นแน่ “อือน่าเสียดาย น่าเสียดายปณิธาน ไม่สอดคล้องท่า
เวลาปกติเราคงต้องร่ำสุรากับพ่อหมอหนุ่มแน่หวังว่าท่านคงมีวันนั้นที่เราสองมานั่งดื่มสุราโดยละ
วางทุกสิ่งทุกอย่างอือ เราชอบท่านจริงๆ” ชายคลุมหน้าวัยกลางคนส่ายหน้ากล่าวอย่างช้าๆ บ่อเมี้ย
ก็ยิ้มรับ “ข้าพเจ้าก็หวังว่าจะมีวันนั้น วันที่ทั้งท่านและข้าพเจ้าละวางทุกสิ่งแล้วมาร่วมดื่มกันฉันท์
มิตร” “ทุกคนต่างมีหน้าที่ที่มอบหมาย พวกเราบุก” กลุ่มชายคลุมหน้าดาบหัวตัดเข้ามารุมล้อมฟาดฟัน
บ่อเมี้ย บ่อเมี้ยก็เพียงหลบด้วยท่าเท้าเหมือนพยายามให้มุกหงส์เห็นซึ่งมุกหงส์เองก็ฉลาดเข้าใจความ
หมายของบ่อเมี้ยได้ทันทีที่พยายามสอนเพื่อป้องกันตัวโดยไม่ให้เป็นตัวถ่วงทำให้บ่อเมี้ยกังวล และ
ก็เหมือนสวรรค์ยังเข้าข้างนางที่ทำให้นางทำความเข้าใจในรูปแบบการเดินเท้าโดยที่ไม่มีใครรบกวน
คราวนี้เป็นการทดสอบจริงแล้วสตรีคลุมหน้าชุดดำรู้สึกว่าจะโดดโดยใช้วิชาตัวเบามาที่นาง บ่อเมี้ย
ก็เหลือบมองถ้าเมื่อใดที่มุกไม่ไหวจะรีบไปช่วยทันทีแต่ก็คิดว่าเพียงท่าเท้าก็สามารถถ่วงเวลาได้พักหนึ่ง
จึงมองกระบวนท่าของสตรีชุดดำคลุมหน้า สวรรค์!? นี่มันกระบวนตั้งท่าในรูปแบบนินจาเฉพาะ
ของซากุระชัดๆ แล้วทำไม ซากุระเองเคยได้รับการถ่ายทอดพลังจากบ่อเมี้ยเช่นกันพลังฝีมือนับเป็น
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในหมู่นินจาได้ แล้วทำไมถึงมายอมทำให้แก่ท่านอ๋อง ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ
หรือนางไม่ใช่มิฉะนั้นทำไมนางเหมือนจำเราไม่ได้ นี่มันเกิดอะไรกัน สตรีชุดดำวาดดาบเข้าที่มุก
หงส์บ่อเมี้ยเห็นกระบวนท่านางจากดาบไม่ได้หมายถึงให้ตายค่อยเบาใจ มุกหงส์ใช้ท่าเท้าที่ได้รับ
การฝึกอย่างรีบด่วนหลบรอดจากปลายดาบอย่างเฉียวเฉียดสตรีคลุมหน้าฟาดฟันจากล่างขึ้นมาบน
มุกหงส์ก็เริ่มท่าเท้าหลบได้อีกอย่างคล่องแคล่วทีละน้อย ตอนนี้บ่อเมี้ยวางใจได้ระดับหนึ่งแต่ที่พัวพัน
บ่อเมี้ยสิบคนนี้ต้องหาทางจบอย่างรวดเร็วบ่อเมี้ยใช้ท่าร่างที่เร็วกว่าเงาเข้าโจมตีชายคลุมหน้าอย่าง
ว่องไวหนึ่งละสยบจุดให้ชายคลุมหน้าผู้หนึ่งที่ถลำเข้ามาได้ สอง สาม ชายกลางคนคลุมหน้าพยัก
หน้าสององค์รักษ์ที่อยู่ข้างกายโผพุ่งเข้าไปทันทีจากเดิมที่บ่อเมี้ยได้เปรียบเป็นเท่าเทียมกันทันทีทำ
ให้บ่อเมี้ยร้อนใจ เพราะเป็นห่วงมุกหงส์แม้มีท่าร่างแต่หาได้มีวรยุทธ์ไม่ เพราะฉะนั้นพลังกายมี
จำกัดอาจทนทานไม่ได้แน่ พระเพลิงก็โหมพัดกระหน่ำเข้ามา มุกหงส์ไม่อาจทนทานได้แน่ บ่อเมี้ย
เลิกละศีลปานาลงมือด้วยความหนักหน่วงกว่าเดิมไว้ชีวิตศัตรูเท่ากับไม่ไว้ชีวิตตนเอง ตูม ตูม เสียง
ป่าแตกเนื่องจากพระเพลิงเผาทั้งป่าทำให้สัตว์ทั้งหลายวิ่งกระเจิงหลบไฟมีสัตว์จำนวนไม่น้อยพุ่ง
ตรงเข้ามาหาคนเพราะระหว่างไฟกับมนุษย์สัญชาติญาณของสัตว์ย่อมกลัวไฟมากกว่ามนุษย์ทำให้
การต่อสู้ระหว่างมนุษย์เป็นไปด้วยความยากลำบากยิ่งขึ้นแต่ก็ถือเป็นโอกาสที่หายากยิ่งของบ่อเมี้ย
รีบใช้วิชาตัวเบาอันล้ำเลิศคว้าตัวมุกหงส์ให้รอดจากปลายดาบไปเส้นยาแดงหอบขึ้นยอดไม้หลบ
หนีตามฝูงสัตว์ไป “พวกเราตาม ชายกลางคนรีบสั่งให้สมุนทั้งหลายติดตามไปผู้ที่กระโดดตามทัน
ทีก็มีสตรีคลุมหน้า ตามมาด้วยองค์รักษ์สองคน ส่วนชายคลุมหน้าต้องรอฝูงสัตว์ผ่านจึงค่อยตาม บ่อเมี้ย
กระโดดโลดแล่นไปตามยอดไม้เพื่อหลบเลี่ยงเพลิงไฟที่โหมกระหน่ำฝูงสัตว์ที่บ้าคลั่งต้นไม้ก็เริ่ม
ถูกเผาวอดวายศัตรูก็เริ่มตามอย่างกระชัดชิด “ม่วยม่วยเชื่อใจกอกอไหม” นางไม่ตอบได้แต่กอดรัด
แน่นไปที่อกเป็นเหมือนบอกตายเป็นตายแต่ไม่ขอพรากจาก บ่อเมี้ยลูบศีรษะนางกอดนางอย่างแนบ
แน่นพร้อมทั้งโดดไปที่กองเพลิงที่โหมรุนแรงทำให้สตรีคลุมหน้า สององค์รักษ์ ได้แต่ยืนมองดูบ่อเมี้ย
และมุกหงส์วิ่งกระโจนเข้าสู่กองเพลิง…………………….