จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 18 แต่ละคน (เรื่องเสียวๆ)
บ่อเมี้ยใช้เวลาที่ทุกคนแยกย้ายเข้าที่พักออกมาเพื่อให้เวลากับตัวเองบ่อเมี้ยเดินไปอย่างไร้จุดหมายบ่อเมี้ยมีความรู้สึกที่แปลกๆที่ตัวเองรู้สึกโกรธแต่ไม่ได้โกรธกงซุนเป่ยแต่กับเป็นการโกรธตัวเองดูเหมือนตัวเองไร้ความสามารถกงซุนเป่ยสามารถสู้ได้ในสนามจริงตัวเขาเองกับได้แต่อยู่หลังผู้หญิงมองดูผู้คนที่ไขว่คว้าหาความสำเร็จให้แก่ตนเอง เสียทีเป็นศิษย์สรรพวิชารู้ทุกเรื่องราวแต่ดูเหมือนไม่สามารถนำมาใช้ได้บ่อเมี้ยเดินมาจนถึงถ้ำใกล้เชิงเขาหลังจากจุดได้คลายไปแล้วสามจุดเท่ากับสามารถเดินลมปราณเพิ่มพลังวัตรร่วมกับวิทยายุทธ์ได้ถึงแม้จะไม่ใช่อันดับหนึ่งแห่งยุทธภพแต่ก็คงสามารถป้องกันตัวได้บ่อเมี้ยจึงต้องนำสิ่งที่ร่ำเรียนมาสิ่งที่เป็นคุณและโทษในร่างกาย พลังกายที่ถูกฝึกตั้งแต่เด็กมาร่วมประสานพลังวัตรพร้อมทั้งประสานกระบวนท่าต่างๆสิ่งที่บ่อเมี้ยต้องการคือ เวลา..........
ยอดหลังคามีเงาบุรุษแห่งราตรีอยู่สองคนต่างใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามหลังคาโน้นปีนเกาะเกี่ยวจนกระทั่งมาถึงหลังคาสูงสง่าเด่นที่สุด
“แฮก แฮก ถึงแล้วหรือซือแป๋”
“อือ อย่าเสียงดังไปแม้จะเป็นเสียงหอบหายใจก็ใช้ไม่ได้เสียชื่อจอมขโมยแห่งยุค”
“หัวขโมยนะซือแป๋ข้าพเจ้าไม่ใช้ซะหน่อย”
“จอมขโมยเฟ้ยไม่ใช่หัวขโมยบ๊ะเจ้าขมิ้นนี่และเจ้าก็ศิษย์หัวขโมยเอ้ยจอมขโมยเจ้าก็ขโมยน้อยเหมือนกัน”
“น่าก็เหมือนกันแหละแฮะแฮะ อือซือแป๋เรามาเอาอะไรเพชร หรือของมีค่าอื่นๆ”
“เรามาเอาคัมภีร์มหายุทธที่เก็บซ่อนไว้ในอาคารแห่งนี้ถ้าพวกเราได้ไปคราวนี้เราจะเป็นเจ้ายุทธภพที่แท้จริง”
“ซือแป๋ถ้าอาคารแห่งนี้มีคัมภีร์จริงมันน่าจะมียามแน่นหนากว่านี้ไม่ใช่เงียบเชียบข้าพเจ้ากลัวว่ามันจะไม่มีหรือไม่ก็กับดับ”
คำของศิษย์น้อยสร้างความกังวลให้แก่อาจารย์เฒ่าไม่ใช่น้อย
“เอาน่าไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือซีวะ ขมิ้นเจ้าขึงยอดหลังคานี่กับต้นไม้เผื่อทางถอยด้วยยามสองเราจะลงมือ” “รับทราบ ... ซือแป๋ระวังตัวด้วย..........”
ณ หลังเชิงเขาอีกด้านหนึ่งเกี้ยวหลังใหญ่วางลงบนแท่นหินใหญ่แห่งหนึ่งล้อมรอบด้วยชายร่างใหญ่สี่คนที่มีหน้าที่แบกเกี้ยวยืนสงบนิ่งเบื้องหน้ามีชายคลุมหน้าทั้งหมดสิบ สิบเอ็ดคนถ้ารวมประมงเบ็ดเดียวด้วยเพียงแต่มีเพียงประมงเท่านั้นไม่ได้คลุมหน้า ทั้งหมดนั่งคุกเข่าเหมือนรอรับคำสั่ง
“เจ้ารู้ไหมเจ้ามีความผิดฐานใด”
เสียงเยือกเย็นนิ่มนวลแต่มีอำนาจดังแว่วมาจากในเกี้ยว
“ข้าพเจ้าไม่สามารถทำตามคำสั่งของท่านนางพญาได้ โดยมีคำสั่งชนะห้ามแพ้”
“เจ้าแพ้เพราะฝีมือสู้ไม่ได้งั้นหรือ”
“ท่านเจ้าสำนักข้าพเจ้าแพ้เพราะประมาท”
“เราจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายเจ้ากับพรรคพวกไปที่อาคารผู้กล้าแย่งชิงคัมภีร์มหายุทธน่าจะอยู่ในห้องใต้ดินงานนี้ถ้าพลาดห้ามกลับมา”
“รับทราบข้าผู้น้อยจะไม่ทำให้ท่านนางพญาผิดหวังขอเดิมพันด้วยชีวิตของข้าผู้น้อย”ไปได้ ทั้งสิบเอ็ดหายวับไปกับ สายลม..........
โบตั๋น เบญจมาศ ดอกท้อ และซากุระ มีความรู้สึกกระวนกระวายเป็นห่วง หลังจากการประลองจบทั้งสี่สาวถูกกงซุนตื้อเพื่อให้ไปดื่มน้ำชาเพื่อฉลองชัยชนะพวกนางตอนแรก ๆก็แสดงความยินดีด้วยแต่เมื่อถูกรุกมากมากพวกนางก็เริ่มรู้สึกรำคาญจึงบอกไปไม่ได้เนื่องจากซือแป๋ป่วยอยู่กงซุนจึงยอมเลิกราในการชวนดื่มน้ำชา แต่จะขอเยี่ยมซือแป๋อีกซึ่งพวกนางจำคำสั่งที่บ่อเมี้ยบอกได้ว่าเยี่ยมได้เมื่อตะวันขึ้นเท่านั้น หลังจากกงซุนเป่ยไปแล้วจะมองก็ไม่เห็นบ่อเมี้ยแล้วเมื่อคิดถึงบ่อเมี้ยทั้งสี่สาวรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงรู้ว่าบ่อเมี้ยไร้วิทยายุทธมีเพียงวิชาตัวเบาเท่านั้นโดยเฉพาะที่เขาเหลียงซานมีทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมที่มียอดฝืมือเต็มไปหมด โดยเฉพาะโบตั๋นนางมีความรู้สึกผิดที่ตัวเองเกิดความลังเล แต่เมื่อสูญเสียจึงรู้ว่าสิ่งที่หัวใจต้องการอยู่ที่ไหน ยามต้นผ่านไปเบญจมาศให้ดอกท้อและซากุระเข้านอนก่อนพรุ่งนี้จะได้ดูแลซือแป๋ พวกนางตอนแรกไม่ยินยอมแต่สุดท้ายก็เข้านอนจนได้ เบญจมาศจึงชวนให้โบตั๋นเข้านอน
“ยี่ม่วยเจ้ถามหน่อยเข้านอนนะนอนหลับไหม”
“เอ่อ..ไม่เจ้”
“ถ้าเรารู้ว่าเขาไปไหนเราถึงวางใจแม้จะอยู่กับใครก็ตาม ไม่ใช่ทิ้งกันไปแบบนี้.......”โบตั๋นปิดหน้าน้ำตาซึมพลอยให้เบญจมาศน้ำตาซึมตามไปด้วย ... ... คืนนี้คงเป็นคืนที่ยาวนานของสองสาวอีกครั้ง.........
“ท่านหัวหน้าทำไมคืนนี้ถึงแบ่งพวกเราเป็นสองกลุ่ม ทำไมไม่รวมกำลังจัดการนางซากุระพรรคพวกมันซะกระจายกำลังทำให้พวกเราอ่อนแอทำให้งานยากขึ้น”
“เพราะเรามีงานสำคัญอีกชิ้นเราสืบทราบมาว่าพวกตงง้วนได้เก็บคัมภีร์มหายุทธ์ไว้ที่อาคารผู้กล้า ถ้าผู้ใดได้ฝึกวิชาจากคัมภีร์มหายุทธ์จะกลายเป็นยอดยุทธภพที่ไร้ผู้ต่อต้านทันทีเราจะนำไปฝากท่านเจ้าสำนักเพื่อให้สำนักเรายืนยงเป็นที่เคารพจากเหล่าชาวยุทธ์พวกเราก็จะสบายไปด้วย ส่วนนังซากุระให้เจ้ามอมยาสลบจับตัวมันมาทั้งเป็นๆ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องแบ่งงานกันทำอย่าวู่วามใช้ความเงียบและถ้าแผนแตกจับตัวมันมาไม่ได้ก็ให้ฆ่ามันทิ้งซะและหนีไปพบที่จุดนัดพบทันทีเราจะเริ่มงานทันทีตอนยามสอง” ผู้ขัดขวางฆ่าให้สิ้น............
“เตี่ยคืนนี้คืนเดือนมืดคงต้องรับศึกใหญ่”
“หงส์หยกเจ้าวางกำลังพร้อมรึยัง”
“พร้อมแล้วทั้งได้รับความร่วมมือสมาพันธ์ผู้กล้า อีกทั้งทางหลวงจีนนิรทุกข์นำสิบแปดอรหันต์วางตามจุดต่างๆ เต้าหยินบ่วงเซาะนำนักพรตอยู่ในที่เร้นลับ คาดว่าต่อให้เป็นเฮ้งเจียก็ไม่มีทางหนีอรหันต์พ้น”
“อือ ดีแต่เจ้าอย่าประมาทความแน่นอนคือสิ่งที่ไม่แน่นอน คัมภีร์มหายุทธ์เป็นคำภีร์ที่รวบรวมจุดเด่นจุดด้อยยอดฝีมือทั้งแผ่นดินรวบรวมโดยผู้คุณวุฒิเจ้าสำนักหลายสำนักใครได้ศึกษาถือว่ามีประโยชน์มหาศาล แต่เพื่อไม่ให้คัมภีร์อยู่ในมือคนชั่วจึงได้ก่อตั้งสมาพันธ์ผู้กล้าเพื่อปกป้อง ใครได้ลำดับหนึ่งมีเวลาศึกษาหนึ่งปี เราแม้ได้ที่หนึ่งมาแต่ตลอดทั้งปีคอยคลี่คลายคดีบาดหมางของยุทธภพนับว่าน่าเสีย น่าเสียดายจริง”
“เตี่ยก็ในปีนี้ก็ได้ลำดับที่หนึ่งอยู่แล้วคาดว่าสี่ห้าปีเตี่ยคงได้อีกมีเวลาศึกษาคัมภีร์อีกนานยังไงซะก็เป็นของเรา” “หงส์ยี้ (หนู เด็ก)เราทำหน้าที่ปกป้องไม่ใช่ครอบครองมิฉะนั้นเราจะได้รับความเคารพจากชาวยุทธภพเหรอถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากพวกฝ่ายอธรรมทั้งหลายนะซิ”
“หงส์รู้ความผิดแล้วเตี่ยยกโทษให้หงส์ด้วยนะ” ชายวัยกลางคนยกมือลูบหัวบุตรด้วยความปราณี
“เอาเถอะเจ้าไปเตรียมตัวเถอะถ้าเราคาดไม่ผิดยามสองคืนนี้คงสนุกแน่..........”