close buttonclose buttonclose button
จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 10 นินจา (เรื่องเสียวๆ)
*

เล่าเรื่องเสียว

  • เรื่องเสียว
  • *****
  • 5772
    • View Profile
จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 10 นินจา (เรื่องเสียวๆ)

   อีก สามลี้ก็จะถึงทางแยกที่จะขึ้นเขาเหลียงซานทั้งสี่คนต่างคุยกันอย่างสนุกสนานโดยเฉพาะดอกท้อถึงกับถามไม่หยุด ยานี่แก้โรคอะไร โรคนั่นใช้ยาอะไร โดนพิษนั่นใช้อะไรแก้ ยาโน่นกับยานี่ผสมกันเป็นอะไร ซึ่งทั้งสองเจ้ก็มองดูด้วยความรักใคร่ปราศจากการหึงหวง โบตั๋นก็เข้าร่วมในบางครั้งเมื่อเจอโรคภัยที่อยากรู้มีแต่เบญจมาศที่มองดูเฉยๆไม่เอ่ยปากซักครั้งแต่ในบรรดาสามสาวเบญจมาศมีความจำดีเลิศมีความฉลาดและไหวพริบการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทำได้ดีทีเดียวและหลายครั้งที่เบญจมาศเองเป็นผู้สั่งการเองด้วยซ้ำการที่เบญจมาศเงียบก็เพราะกำลังซึมซับความรู้ใหม่ ๆเอาไว้ไม่ให้ตกหล่นนั่นเอง
“แล้วยี่เจ้ไม่ถามมั่งเหรอหรือไม่รู้จะถามอะไร”
หมอบ้าวันไหนไม่ยั่วจะได้ไหมเนี่ย
“แล้วมียาอะไรที่ทำให้หมอลามกเรียบร้อยมั่ง”
นี่เป็นไงล่ะซึม ฮิ ฮิ
“อ๋อ...มีก็ยาน้ำค้างดอกไม้จากสามดอกไม้ไงล่ะ”
โบตั๋นกับเบญจมาศหน้าแดงกล่ำทั้งสองสาวรู้แล้วหมอลามกหมายถึงอะไรแต่ดอกท้องง
“อะไรอ่ะเจ้เจ้อะไร”
โบตั๋นดึงตัวดอกท้อไปกระซิบที่ข้างหูแค่นั้นเองดอกท้อหน้าแดงกล่ำเหมือนพี่สาวบ่อเมี้ยจึงหัวเราะดังลั่นเท่านั้นเองสงครามย่อยก็เกิดขึ้นโดยมีพระเอกของเราวิ่งหนีทั้งสามสาวก็ไล่ตีไล่ทุบ
ทั้งสี่วิ่งไล่กันอย่างสนุกสนานอยู่ๆบ่อเมี้ยก็หยุดทำยกมือให้เงียบเสียงบ่อเมี้ยอยู่ในป่าเขามานานฝึกสมาธิการเห็นการฟังการดมการชิมมาตั้งแต่เล็กประสาทหูจึงดีกว่าผู้มีพลังวัตรบางคน(ต้องสามคนซิ)เสียอีก
“เจ้มีเสียงต่อสู้กันจำนวนมากด้วย”
บ่อเมี้ยพูดด้วยเสียงเบา ๆ
“ทางตะวันตกของป่าไปดูกัน”
เบญจมาศพูดจบใช้วิชาตัวเบาเข้าป่าไปโบตั๋นและดอกท้อจึงรีบตามบ่อเมี้ยได้แต่ส่ายหัวแต่ก็รีบตามเช่นเดียวกันบ่อเมี้ยมีวิชาตัวเบาเหนือกว่าสามสาวถึงแม้พลังวัตรของสามสาวจะเพิ่มแต่ก็ยังสู้บ่อเมี้ยที่ฝึกมาตลอด สิบแปดปีไม่ได้ บ่อเมี้ยโลดแล่นแซงโบตั๋นดอกท้อวิ่งมาเคียงข้างเบญจมาศ(นึกแล้วหมอบ้าต้องตามทันเป็นห่วงละซี)จับแขนเบญจมาศ
“ดูก่อนอย่ายุ่งเกี่ยวเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเรา”
ทั้งสี่จึงซ่อนตัวในพุ่มไม้และแหวกกิ่งไม้ที่อยู่ข้างหน้าอย่างเบาสิ่งที่ปรากฏ
ชายชุดดำคลุมหน้าสิบคนกำลังรุมต่อสู้กับคนคลุมหน้าอีกคนหนึ่ง เพลงดาบของทั้ง สิบเอ็ดคนแปลกกว่าชาวตงง้วน(หมายถึงชาวจีน)การจับดาบแบบดามสองมือใช้กระบวนท่ายกเหนือหัวเป็นหลักแต่คนคลุมหน้าที่ถูกรุมกับจับดาบสองมือเช่นกันแต่ดาบชี้ลงทางซ้ายปลายดาบแทบปักพื้นไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากทั้ง 11 คนกระบวนท่ามีไม่มาก ฟาด ฟัน แทง ปัด ทำให้บ่อเมี้ยเปิดหูเปิดตาเพราะกระชับสั้นใช้ประโยชน์ได้ผลจริงกว่ากระบวนท่าของชาวตงง้วนที่มีท่าเยอะมากกว่าท่าใช้จริง คนคลุมหน้าที่ถูกรุมมีฝืมือดีทีเดียวสามารถทำร้ายคนที่กลุ้มรุมไปได้หลายคน แต่แปลกที่ว่าคนที่ถูกดาบฟันไม่มีเสียงร้องซักแอะแถมยังลุกขึ้นมาโถมเข้าใส่ดีที่ยังเห็นเลือดมิฉะนั้นต้องมิใช่มนุษย์แน่
แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ คนคลุมหน้าที่ถูกรุมก็ถูกทำร้ายจนได้โดนฟันจากข้างหลังแผลโดนที่แขนซ้ายที่น่องขวาและที่ทำให้พวกบ่อเมี้ยได้ยินเสียงร้องก็ตรงโดนแทงท้องข้างซ้าย.......กรี๊ด...............เบญจมาศพุ่งตัวออกไปก่อนตามด้วยโบตั๋นและดอกท้อบ่อเมี้ยออกตัวทีหลังถึงก่อนรีบไปคว้าตัวสตรีลึกลับที่กำลังจะโดนซ้ำอีกหลายแผลมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ทำการรักษาบาดแผลทันทีโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว เบญจมาศ โบตั๋น ดอกท้อ ก็ถือโอกาสทดสอบวิทยายุทธ์ที่ได้ร่ำเรียนมาจากซือแป๋และปรับปรุงโดยบ่อเมี้ย แรก ๆก็กว่าจะรับมือได้มือไม่ก็ปั่นป่วนไปบ้างบ่อเมี้ยละจากการทำแผลคอยบอกท่าต่างๆอย่างคล่องแคล่ว
“ดอกท้อหันซ้ายแทงข้างขวาโบตั๋นฟันด้านซ้ายไม่ต้องสนใจข้างหน้าเบญจมาศเสริมโบตั๋นฟันตรง ๆ”
ซึ่งทั้งสามมีจิตสัมพันธ์พิเศษกับบ่อเมี้ยเชื่อโดยสนิทใจทำให้สามารถรับได้โดยไม่เหนื่อยแรงในบางโอกาสยังเป็นฝ่ายบุกด้วยซ้ำ
“หยุดมือ”
เสียงดังปานฟ้าถล่มดังมาจากชายคลุมหน้าที่อยู่ตรงกลางน่าจะเป็นหัวหน้าทั้งสามสาวจึงรั้งดาบกระโดดถอยมาอยู่เคียงข้างบ่อเมี้ยซึ่งหันกลับไปใส่ยาและพันแผลแก่สตรีลึกลับต่อ
“แม่นางคงเป็นสามสาวดอกไม้อันลือชื่อของยุทธภพซีนะสมเป็นศิษย์แม่ชีตันหยงแต่ไม่ทราบกงจื้อคือ......”
บ่อเมี้ยยังคงรักษาอาการของแผลอื่น ๆต่อไปโดยไม่สนใจที่จะตอบคำ ชายคลุมหน้ารู้สึกเหมือนถูกสบประมาทอย่างแรงแต่ยังข่มกลั้นอารมณ์เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
“แม่นางซือแป๋ท่านไม่ได้สอนหรือการยุ่งเรื่องไร้สาระผู้อื่นถือเป็นเรื่องต้องห้ามอาจทำให้ท่านและสำนักอาจารย์ท่านเดือดร้อน”
“ถ้าท่านประลองยุทธอย่างยุติธรรมพวกเราก็เพียงดูและผ่านไปไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตายแต่ที่เราเห็นมันคือกลุ้มรุมต่อสตรีนางเดียวโดยคนที่ชื่อว่าเป็นชายถ้าเป็นซือแป๋ก็คงไม่นิ่งดูดาย”
เบญจมาศตอบโต้อย่างฉาดฉานเบญจมาศมองไม่ออกว่าหน้าพวกมันแดงหรือไม่แต่รู้ว่ามันเงียบไปอึดใจ
“นี่เป็นเรื่องภายในของสำนักของเราพวกเรากำลังชำระความศิษย์ทรยศขอให้แม่นางโปรดละเว้นหลังจากผ่านเรื่องราวพวกเราจะตอบแทนพระคุณของแม่นางอย่างเต็มที่เลย”
“หน้าที่ของพวกท่านเราไม่ยุ่งแต่หน้าที่ของเราคือการรักษาคนหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของท่านแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเราแม้จะเป็นใครเราก็จะต้องช่วยนางหายดีก็เป็นเรื่องของนางกับพวกท่านแต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องท่านหรือนางเป็นหน้าที่ของเรา”
บ่อเมี้ยตอบโต้โดยไม่หันไปมอง ชายชุดดำคิดในใจแค่สามสาวดอกไม้ก็รับมือยากอยู่แล้วยังมีคนประหลาดคลุมหน้าอยู่ดูจากวิชาตัวเบาคงมีวิทยายุทธ์ที่เยี่ยมยอดแน่ ๆที่สำคัญมันยังรู้กระบวนท่าต่างๆจนไม่สามารถทำอะไรได้ตอนนี้ถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่า
“เจ้า........อย่าคิดว่าจะหนีเงื้อมมือพวกเราพ้นอีกไม่นานพวกเราคงได้เจอกันอีก.....”
ชายคลุมหน้ากล่าวกับสตรีลึกลับที่นอนให้บ่อเมี้ยพันแผลแต่ตาจ้องที่มัน
“คงอีกไม่นาน.....เราจะตอบแทนพวกท่านอย่างสาสม”
สตรีลึกลับตอบโต้ออกไปแต่ก็ทำให้สามดอกไม้กับบ่อเมี้ยหันไปมองน้ำเสียงของสตรีผู้นี้หวานละมุน น่าฟัง แต่มีสำเนียงที่แปลกไปจากชาวตงง้วนแม้จะโต้ตอบด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติก็ตาม ชายทั้งสิบจึงโดดหายไปในแนวป่า บ่อเมี้ยจึงพูดกับสามดอกไม้
“น่าจะเป็นนินจาพวกเราหลังจากนี้ให้ระมัดระวังตัวบ้าง แม่นางเป็นอย่างไรบ้าง”
สตรีได้มองบ่อเมี้ยท่าทางเหมือนผู้อาวุโสแต่ดวงตายังหนุ่มน้ำเสียงก็คงอายุไม่มากแต่ทำไมต้องคลุมหน้าอือทุกคนมีเหตุผลแม้แต่เราเองยังคลุมหน้าไว้
“ข้าพเจ้าทำให้พวกท่านเดือดร้อนพวกมันไม่รามือง่าย ๆ แผลข้าพเจ้าได้รับการเยียวยาจากท่านซือแป๋(คำเรียกหมอ)ค่อยยังชั่วแล้วข้าพเจ้าขอลา”
นางพยายามลุกขึ้นแต่ถูกเบญจมาศกดไหล่ไว้
“เจ้เจ้ไหน ๆพวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วท่านพักผ่อนรักษาให้หายก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
โดยมีโบตั๋นกับดอกท้อพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าข้าพเจ้าอยู่พวกท่านจะไม่เป็นสุขปล่อยข้าพเจ้าไปเถอะ”
“เรื่องอื่นเจ้เจ้วางใจพักผ่อนตามสบายในกลุ่มพวกเรามีคนเจ้าเล่ห์.....คอยดูแลคงไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นหรอกว่าแต่เจ้เจ้มีนามว่าอะไร”
อ้าวกระทบอีกแล้วนางแมวป่าคืนนี้ก่อนเถอะบ่อเมี้ยเงยหน้ามองเบญจมาศที่แลบลิ้นตอบกลับมา ดูเหมือนสตรีลึกลับเพียงตอบว่า “ข้าพเจ้าชื่อ..ซากุระ